ไพล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zingiber montanum (J.Koenig) Link ex A.Dietr.
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
ชื่ออื่นๆ ปูเลย (ภาคเหนือ) ,ว่านไฟ (ภาคกลาง) ,ว่านปอบ (ภาคอีสาน) , มิ้นสะล่าง (รัฐฉาน-แม่ฮ่องสอน)
ส่วนเหง้าและน้ำมัน : รักษาอาการบวม ฟกช้ำและอักเสบ
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์
- สารออกฤทธิ์ต้านการอักเสบในไพล ได้แก่ เคอร์คิวมิน,น้ำมันระเหย, butadiene
- สารออกฤทธิ์แก้ปวด ได้แก่ cassumunarins, but-3-en-l-ol
ฤทธิ์ทางยาไพล
- ฤทธิ์ลดการอักเสบ เมื่อทดลองนำครีมไพล (ไพลจีซาล) ที่มีส่วนผสมของน้ำมันไพลร้อยละ 14 ไปใช้ในผู้ป่วยข้อเท้าแพลง โดยให้ทาวันละสองครั้ง พบว่าสามารถลดการปวดบวมได้มากกว่ากลุ่มควบคุมเมื่อใช้ไปได้ 4 วัน และมีการกินยาแก้ปวด (paracetamol) ในสองวันแรกน้อยกว่ากลุ่มควบคุมด้วย ผู้ป่วยที่ได้รับไพลจีซาลสามารถงอข้อเท้าได้มากกว่ากลุ่มควบคุม
เมื่อนำน้ำมันไพลที่อยู่ในรูปของเจล (ไพลเจล) มาทดสอบ พบว่าไพลเจลสามารถลด การอักเสบของอุ้งเท้าหนูได้ โดยสามารถลดการบวมได้เทียบเท่ากับ piroxicam gel ทั้งยังลดความแดงและบรรเทาอาการปวดได้ด้วย
การทดสอบสาร phenylbutenoids ในไพลจำนวน 7 ชนิด ต่อการยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการอักเสบ คือ cyclooxygenase-2 พบว่ามีสาร 4 ชนิดที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ดังกล่าว เป็นสาร phenylbutenoid dimer 2 ชนิดและสาร phenylbutenoid monomer 2 ชนิด
- ฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ น้ำคั้นหัวไพลมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ และช่วยลดอาการปวด
- ฤทธิ์แก้ปวด สาร (E)-4 (3',4'-dimethylphenyl) but-3-en-l-ol จากไพลมีฤทธิ์แก้ปวดเมื่อทดสอบในหนูแรท (10) และไพลเจลมีฤทธิ์แก้ปวดเมื่อใช้เป็นยาทาภายนอก
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
1. ไพลอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง และเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้
2. การใช้ครีมไพลห้ามใช้ทาบริเวณขอบตา เนื้อเยื่ออ่อน และบริเวณผิวหนังที่มีบาดแผลหรือมีแผลเปิด
3. ไม่แนะนำให้ใช้สมุนไพรชนิดนี้กับสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตรและเด็กเล็ก
พริก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capsicum frutescens L.
พริก ภาษาอังกฤษ : Chili, Chilli Pepper แต่ถ้าเป็นพริกขนาดใหญ่ ๆ ที่มีรสอ่อน ๆ เราจะเรียกว่า Bell pepper, Pepper, Paprika, Capsicum
ถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้ มีการนำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นแล้ว
พบสารแคปไซซิน (Capsaisin) ได้ในพริกแทบทุกชนิด
สารสำคัญที่ทำให้พริกมีรสเผ็ดร้อน คือ แคปไซซิน (Capsaisin) พบได้ในพริกแทบทุกชนิด รวมทั้งในพริกไทยและขิง พริกกะเหรี่ยงจะมีสารแคปไซซิน มากกว่าพริกพันธุ์อื่นๆ และมีมากในส่วนรกของพริก มีโครงสร้างเป็น vanilly amide สารแคปไซซินออกฤทธิ์โดยทำให้เกิดการปลดปล่อยของสารซับสแตนซ์ พี (substance P) ซึ่งเป็นสารสื่อนำสัญญาณประสาท (Ncurotransmitter) ส่งผ่านความรู้ปวดจากเซลล์ประสาทไปยังสมอง หลังจากได้รับแคปไซซินซ้ำๆ จะทำให้สารนี้หมดไปจนไม่สามารถสื่อนำได้ อาการเจ็บปวดจะลดลง
เจลพริกคือแคปไซซินในรูปแบบเจล
องค์การเภสัชกรรมได้พัฒนา ตำรับเจลพริกโดยนำพริกกะเหรี่ยงของไทยมาสกัด แล้วผลิตในรูปแบบเจลที่สามารถรักษาคุณค่าของสารแคปไซซิน ให้มีความเข้มข้นร้อยละ ๐.๐๒๕ ได้และควบคุมกำจัดให้ปลอดจากเชื้อรวมทั้งสารปนเปื้อนอื่นๆ ภายใต้กระบวนการผลิตที่ได้รับรองมาตรฐาน GMP & ISO 90002 เหมาะสำหรับรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดแบบเรื้อรัง ปวดปลายมือ ปลายเท้า ปวดจากโรคงูสวัด ปวดจากโรคข้ออักเสบ และปวดแผลผ่าตัด (ใช้ทารอบแผลเท่านั้น)