พยาธิคือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์และสัตว์ คอยแย่งอาหาร หรือดูดเลือดและมักจะ ทำให้เกิดอันตรายต่อคนหรือสัตว์ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายที่มันอาศัยอยู่ พยาธิมีมากมายหลายชนิดแตกต่างกัน
นอกจากนี้เราสามารถพบระยะต่าง ๆ ของพยาธิปะปนอยู่ในธรรมชาติที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของมัน เช่น ในดิน พื้นหญ้า ในน้ำ ในเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พืชผักต่าง ๆ น้ำดื่ม และในแมลงพาหนะนำโรคหลายชนิด
จะรู้อย่างไรว่าเป็นโรคพยาธิ
เมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น หิวบ่อย และทานอาหารมาก น้ำหนักลด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย เจ็บและบวมตามผิวหนัง เจ็บแน่นหน้าอก ไอเป็นเลือด แพ้และมีผื่นคันหรือเป็นแนวแดง ๆ บนผิวหนัง มีตุ่มนูนจำนวนมากขึ้นตามผิวหนัง เป็นไข้ ปวดเหมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว
อันตรายที่เกิดจากโรคพยาธิ
พยาธิทำอันตรายต่อสุขภาพ แย่งอาหาร ทำให้ร่างกายทรุดโทรม มีอาการแพ้ต่อสารที่ขับออกมาจากตัวพยาธิ ทำลายสุขภาพจิต เป็นอัมพาต และอาจถึงแก่ชีวิตได้สิ้นเปลืองเงินค่ารักษา
อาการของโรคพยาธิ ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด จำนวนและตำแหน่งที่พยาธิอาศัยอยู่ รวมไปถึงระยะเวลาในการเป็นโรคว่านานเท่าไร เช่น คนที่เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับที่มีพยาธิจำนวนน้อยผู้ป่วยจะไมค่อยมีอาการ แต่ถ้ามีพยาธิจำนวนมากผู้ป่วยจะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เบื่ออาหาร เจ็บบริเวณตับ ผอมซีด หากไม่ได้รับการรักษาจะมีอาการรุนแรงขึ้น โดยมีอาการตัวเหลือง ตับแข็ง ท้องมาน และอาจเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด
หลีกเลี่ยงพยาธิเหล่านี้ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร
- เลือกซื้ออาหารที่สดใหม่สะอาด หากเป็นเนื้อสัตว์ต้องสังเกตุดูว่ามีตัวอ่อนพยาธิซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดสาคูปนเปื้อนหรือไม่ และไม่หยิบของที่ตกบนพื้นแล้วเข้าปาก
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบ หรือทำให้สุกด้วยความร้อนที่ไม่เพียงพอ และการบีบมะนาวไม่มีผลในการฆ่าตัวอ่อนพยาธิ เพียงแค่ทำให้เนื้อสัตว์เปลี่ยนสีเท่านั้น
- ผักสดหากจะรับประทานดิบ ๆ ควรจะล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง
- ล้างมือให้สะอาดก่อนทำอาหารและรับประทานอาหาร
ยาถ่ายพยาธิจำเป็นต้องใช้เป็นประจำทุกปีหรือไม่
ไม่จำเป็นต้องใช้ยาถ่ายพยาธิประจำปีหากไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพยาธิ เช่น อยู่ในพื้นที่ที่มีความชุกของโรคสูง หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงสูงต่อการได้รับพยาธิ เช่น รับประทานเนื้อสัตว์ที่สุกๆ ดิบๆ เป็นประจำ
ชนิดของพยาธิ
พยาธิก่อโรคในคนจําแนกได้เป็ น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ คือ
- กลุ่มพยาธิตัวกลม (Nematodes)
มีลําตัวไม่เป็นปล้อง รูปร่างทรงกระบอก หัวท้ายเรียวแหลม ชนิดที่พบบ่อยในผู้ป่วยในประเทศไทยคือ พยาธิไส้เดือน พยาธิสตรองจิลอยเดส พยาธิไส้เดือน พยาธิแส้ม้า และพยาธิปากขอ เป็นต้น - กลุ่มพยาธิตืด (Cestode หรือ Tapeworm)
มีลําตัวแบนและแบ่งเป็นปล้องๆ ชนิดที่พบติดเชื้อในประเทศไทยมากคือ พยาธิตืดหมู และพยาธิตืดวัว เป็ นต้น - กลุ่มพยาธิใบไม้ (Trematode)มีลําตัวแบนและไม่แบ่งเป็นปล้อง ชนิดที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่ พยาธิใบไม้ตับ และพยาธิใบไม้ในเลือดเป็นต้น
พยาธิมักพบในอาหารแบบใด
- พยาธิใบไม้ตับ :พบในอาหารที่ทำจากปลาน้ำจืดที่ไม่สุก เช่น ปลาร้าดิบ ส้มปลา
- พยาธิตัวตืด : พบในเนื้อหมู วัว ที่ปรุงไม่สุก สามารถมองเห็นตัวอ่อนของพยาธิตัวตืด ซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดสาคู หรือผักสดที่ล้างไม่สะอาดและมีไข่พยาธิปนเปื้อน
- พยาธิไส้เดือนและพยาธิแส้ม้า : พบในผักผลไม้ที่ล้างไม่สะอาด อาหารไม่สะอาดปนเปื้อนไข่พยาธิ มีแมลงวันตอม หรือหยิบของที่ตกบนพื้นดินเข้าปาก
- พยาธิตัวจี๊ด : พบในเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก เช่น ปลา ไก่ กบ เป็นต้น
- พยาธิอะนิซาคิส :พบในอาหารประเภทปลาทะเลที่ไม่สุก ปลาดิบ
พยาธิเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางที่สําคัญ คือ
1. ทางปาก :ได้แก่การรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของ ไข่ ซิสต์ หรือตัวอ่อนขอพยาธิ เช่น ไข่พยาธิไส้เดือน พยาธิเข็มหมุด หรือซิสต์ของพยาธิตัวตืด เป็นต้น
2. ไชเข้าทางผิวหนัง :เช่น การเดินเท้าเปล่าบนพื้นดินหรือการใช้มือเปล่าหยิบจับเนื้อดิบ เช่น พยาธิปากขอ หรือพยาธิสตรองจิลอยเดส และพยาธิตัวจี๊ด เป็นต้น ซี่งจะไชเข้าทางผิวหนังได้
3. ทางหายใจ : ได้แก่ การสูดดมไข่พยาธิที่ลอยอยู่ในอากาศ ได้แก่ไข่พยาธิเข็มหมุด
4. ทางรก : เป็นการติดต่อเชื้อผ่านจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ เช่นเชื้อ Toxoplasma gondii
5. เพศสัมพันธ์ : ติดต่อโดยการร่วมเพศโดยตรงเช่น เชื้อ Trichomonas vaginalis ซึ่งเป็น protozoa ชนิดหนึ่ง