ผื่นแพ้ยามีอาการแบบไหนบ้าง

ผื่นแพ้ยา

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผื่นที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังเป็น โรคผิวหนังหรือว่าเป็นผื่นแพ้ยา ลักษณะของผื่นแพ้ยาเป็นอย่างไร ผื่นแพ้ยามีหลากหลายลักษณะมาก

การแบ่งลักษณะผื่นแพ้ยา จะยึดหลักเกณฑ์ลักษณะกายภาพภายนอกที่ปรากฏ ความชุกหรือความบ่อยที่จะเกิดของผื่น  ในเบื้องต้นสามารถแบ่งได้หลักๆเป็น 9 แบบดังนี้

  1. Maculo-papular rash
  2. Urticaria
  3. Fix-drug eruption
  4. Ezematous eruption
  5. Erythema multiforme
  6. Bullous eruption
  7. Steven-Johnson syndrome (SJS) / Toxic epidermal necrolysis(TEN)
  8. Exfoliative dermatitis
  9. อื่นๆ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : Drug Hypersensitivity Reaction

 

แพ้ยา

สารบัญ

Maculo-papular rash (MP rash)

ผื่นแพ้ยาที่พบได้บ่อยที่สุด มีผู้ป่วยที่เกิดผื่นแพ้ยาชนิดนี้มากถึงเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่มีผื่นแพ้ยาทั้งหมด

ลักษณะเด่นของผื่น MP

  • มีผื่น 2 ลักษณะรวมกันอยู่ คือ ผื่นแดงราบจุดเล็กๆรวมกันจนเป็นปื้นขนาดใหญ่ และ ตุ่มนูนแดง การแพ้ยาในผู้ป่วยแต่ลคนจะมีสัดส่วนของผื่นทั้ง 2 ชนิดแตกต่างกันออกไป เช่น ถ้ามีผื่นจุดแดงราบมากกว่า จะดูคล้ายโรคหัด แต่ถ้ามีตุ่มนูนแดงสัดส่วนมากกว่า จะดูคล้ายหัดเยอรมัน
  • ผื่นแพ้ยาชนิดนี้มักเป็นที่ลำตัวมากกว่าที่อื่น และจะเริ่มขึ้นที่ลำตัวเป็นลำดับแรกก่อนมีการแพร่กระจายไปที่บริเวณอื่นๆ แต่จะไม่พบผื่นแพ้ยาชนิดนี้ที่ ช่องปาก เยื่อบุตา และอวัยวะเพศ ผื่นมีสีแดงชัดเจน ถ้าเอามือกดลงไปสีแดงจะซีดจางลง
  • ภายหลังจากหยุดยาที่แพ้ ผื่นจะค่อยจางลงและหายได้เองโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
  • ลักษณะเด่นที่สำคัญของผื่นชนิดนี้คือจะเกิดร่วมกับอาการคันเสมอ และมักมีไข้ต่ำๆ ร่วมด้วย เป็นผลจากมีการขยายตัวเส้นเลือดที่ผิวหนัง ทำให้มีการระบายความร้อนออกจากร่างกายหรือ อาจเกิดจากกระบวนการอักเสบ

 

mp rash

 

back rash

Urticaria

หรือที่เรียกกันว่า ลมพิษ พบบ่อยรองจากผื่น Maculo-paular rash

ลักษณะเด่นของผื่นลมพิษ

  • เป็นผื่นที่สามารถยุบหายไปเองได้ ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดผื่นขึ้น
  • สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เร็วเช่นกันหลังจากยุบหายไป
  • มีรูปร่างไม่แน่นอน เกิดขึ้นหลายๆแห่งพร้อมกัน
  • มักต้องใช้เวลานานหลังได้รับสารที่แพ้ จึงจะเกิดผื่น โดยทั่วไปประมาณ 7-10 วัน
  • บางรายมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ แต่พบน้อยมาก
  • สาเหตุมักเกิดจาก อาหาร ไรฝุ่น มลภาวะ มากกว่ายา
  • ยาที่อาจทำให้เกิดผื่นชนิดนี้ เช่น แอสไพริน ยาแก้ปวดเอ็นเสด NSAID ยาปฏิชีวนะเพนนิซิลลิน  ยาลดความดันโลหิต enalapril

 

ลมพิษ

Fixed-drug eruption

ลักษณะเด่น คือ

  • ลักษณะที่สำคัญที่สุด คือ ถ้าผู้ป่วยได้รับยาเดิมที่แพ้ จะเกิดผื่นตรงตำแห่งเดิมทุกครั้ง
  • มีอาการเจ็บแสบและคัน ร่วมด้วยเสมอ
  • ลักษณะผื่น มีรูปร่างกลม ขอบชัดเจน มีสีแดงจัด และอาจเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำหรือม่วงได้ อาจมีตุ่มน้ำได้
  • โดยส่วนมากมักเกิดขึ้น 1-2 ผื่นเท่านั้น
  • ผื่นจะเกิดขึ้นหลังรับยาที่แพ้ไม่นาน ประมาณ 30 นาที
  • เมื่อผื่นยุบหายไปจะทิ้งรอยดำคล้ำไว้ชัดเจน และนาน
  • การแพ้ซ้ำไม่ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรง แต่จะมีรอยแผลเป็นดำและนานมากขึ้น

 

fixed drug eruption

Eczematous drug eruption

ลักษณะเด่น คือ

  • ผื่นเกิดร่วมกับน้ำเหลืองไหลเยิ้ม คนทั่วๆไปเรียกว่า น้ำเหลืองไม่ดี

เมื่อน้ำเหลืองแห้งจะตกสะเก็ด แต่ทางการแพทย์จะเรียกว่า ผื่นแพ้สัมผัส

  • มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเม็ดเลือดขาว T – lymphocyte
  • โดยส่วนมากใช้เวลา 2 วัน หลังได้สัมผัสสารก่อภูมิแพ้
  • มีอาการเจ็บ แสบ คันร่วมด้วยกับการเกิดผื่นที่มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : กลไกการเกิดการแพ้ยา

ผื่นแพ้สัมผัส

ผื่นแพ้ยาย้อมผม

Erythema Multiforme  (EM)

ลักษณะเด่น คือ

  • ผื่นมีรูปร่างคล้ายเป้ายิงธนู ผื่นจะมีรูปร่างกลมเป็นวง 3 ชั้น ชั้นในสุดมีสีแดงเข้มจัดหรือมีตุ่มน้ำพอง ชั้นที่2 ถัดมามีสีแดงจางลง และชั้นนอกสุดจะมีสีซีดจางลง
  • ขนาดผื่นประมาณ 2 มม.-2 ซม.
  • มีการเกิดผื่นมักจะเป็น 2 ข้างของร่างกายเท่าๆกัน แต่จะกินพื้นที่แค่ 10% ของผิวหนังทั้งหมด
  • กลไกการเกิดผื่นเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย คือ แอนติบอดี้ของร่างกายจะจับกับยาเกิดเป็น สารประกอบใหม่ ที่ไปเกาะกับผนังเส้นเลือด ทำให้เกิดการอักเสบที่เส้นเลือดนั้นๆ
  • บางครั้งผู้ป่วยมีอาการ ไข้ ปวดเมื่อย เจ็บคอ คล้ายไข้หวัด
  • สาเหตุของผื่นเกิดจากเชื้อโรคแบคที่เรีย ไวรัส หรือโรคมะเร็ง มากกว่า ยาหรือสารเคมี

 

ผื่นแพ้เป้ายิงธนู

Bullous eruption

ลักษณะเด่น คือ

  • ตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่  มีจำนวนไม่กี่แห่ง 1-3 แห่ง
  • ไม่มีอาการแทรกซ้อน

 

ตุ่มน้ำพอง

 

ตุ่มน้ำพอง

Stevens-Johnson syndrome/Toxic epidermal necrolysis (TEN)

ลักษณะเด่น คือ

  • ผื่นทั้ง 2 ชนิดมีความเหมือนและความรุนแรงพอๆกัน โดยแยกกันที่ ขนาดพื้นที่ที่เกิดผื่น ถ้าน้อยกว่า 10% ของพื้นที่ผิวหนังทั้งหมดเรียกว่า Steven-Johnson syndrome แต่ถ้ามากกว่า 30% ของพื้นที่ผิวหนังทั้งหมดเรียกว่า TEN
  • Steven-Johnson syndrome มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเอดส์
  • มักมีการหลุดลอกของผิวหนังบริเวณเยื่อบุตา ช่องปาก อวัยวะเพศ ร่วกับอาการแทรกซ้อนกับอวัยวะภายใน เช่น แผลทางดินอาหาร ปอดอักเสบ
  • สาเหตุที่สำคัญของการเกิดผื่นแพ้ แบบ Steven-Johnson syndrome และ Toxic epidermal necrolysis ประมาณ 50 % คือยา  และยาที่มักทำให้เกิดการแพ้แบบนี้ คือ
  1. ยาปฏิชีวนะกลุ่มซัลฟา
  2. ยากันชัก โดยเฉพาะ carbamazepine พบบ่อยและมากกว่า phenytoin , phenobarb
  3. ยาแก้ปวดกลุ่มNSAIDs เช่น piroxicam
  4. ยารักษาโรคเกาท์ Allopurinol
  • หลังผื่นหายดีแล้วมักเป็นรอยแผลเป็นอยู่นาน
  • ส่วน ผื่นแพ้แบบTEN ลักษณะเด่นที่สุดคือ ผิงหนังจะหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นใหญ่ๆ มีน้ำเหลืองและเลือดไหลเยิ้ม ถ้าเอามือถูผิวจะหลุดออกตามรอยถู เกิดร่วมกับ การอักเสบของอวัยวะภายใน เช่น ตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ปอดอักเสบ ติดเชื้อโรคแทรกซ้อนง่ายมาก.

 

sjs

Exofoliative dermatitis

ลักษณะเด่น คือ

  • ผื่นหนา แห้ง ลอกหลุดเป็นขุยแห้งๆ ผิวแตกลายงา มันเงา จะค่อยๆลุกลามขยายตัวมากขึ้น รุนแรงขึ้นถ้าไม่รักษา
  • บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า จะมีขุยสะสมจนเป็นปื้นหนา เล็บมือและเท้าจะหนาเป็นสีคล้ำ
  • เป็นผื่นที่เกิดจากโรคผิวหนังไม่ใช่การแพ้ยา และเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อาจมีโรคแทรกซ้อนติดเชื้อได้ เป็นอันตรายเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
  • บางครั้งมีภาวะขาดน้ำ ต่อมน้ำเหลืองโต ภาวะไตวาย ร่วมด้วยได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : Cutaneous Drug Eruption

 

ผื่นแตกแห้ง

 

ผื่นแพ้ exfoliative

ผื่นแพ้แบบอื่นๆ

1. ผื่นแพ้ยาที่เกี่ยวกับแสงแดด

เป็นผื่นแพ้ยาที่จะมีแสงแดดเข้าเกี่ยวข้องด้วยเสมอ คือ ผื่นที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ป่วยสัมผัสแสงแดดเท่านั้น  ลักษณะเด่นที่สังเกตได้ชัดเจนคือ บริเวณที่เกิดผื่นจะอยู่นอกร่มผ้าที่สัมผัสแสงแดด จะไม่พบผื่นบริเวณในร่มผ้าที่ไม่สัมผัสแสงแดด  แบ่งเป็น 2 แบบ

  1. แบบแรก ผื่นไหม้เหมือนโดนแดดเผา สีดำคล้ำ อาจมีตุ่มน้ำพอง แสบ ร้อน แดง
  • ถ้าเป็นหลายวัน ผื่นจะลอกเป็นขุย
  • เกิดได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับยา โดยจะใช้เวลา 5-20 ชั่วโมงหลังจากรับยา
  • ยาที่เป็นสาเหตุจะเป็นยาเม็ดแบบรับประทาน ไม่ใช่ยาทา
  1. แบบที่สอง เป็นผื่นลักษณะเดียวกับ Eczema คือ แดง คัน บวม มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม
  • เป็นการแพ้ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • ยาที่เป็นสาเหตุจะเป็นได้ทุกชนิด ยากิน ยาฉีด และยาทา แต่ถ้าเป็นการแพ้ยาทา ผื่นจะขึ้นเฉพาะบริเวณที่ทายาและสัมผัสแสงแดด

 

ผื่นแพ้แสง

 

ผื่นแพ้ยาสัมผัสแสง

 

2.ผื่นแพ้ยาที่ทำให้สีผิวเข้มขึ้น

  • เป็นผื่นที่มักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้าของผู้ป่วย จะมีผลกระทบด้านจิตใจผู้ป่วยมากเพราะทำให้ไม่สวยงาม
  • มีความเกี่ยวข้องกับแสงแดด สีจะเข้มมากบริเวณที่โดนแดด เป็นได้ 2 ลักษณะ ถ้ายาไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนัง จะเกิดผื่นสีออกน้ำตาลคล้ำ แต่ถ้ายาไปสะสมอยู่บริเวณผิวหนัง จะเกิดผื่นสีออกเทาๆอมฟ้า
  • ตัวอย่างเช่น ยาคุมกำเนิดกระตุ้นให้เป็นฝ้า กระ มากขึ้นและสีเข้มขึ้น

ใบกระท่อม จะทำให้เกิดผื่นจุดดำๆ บริเวณลำตัวได้ ถ้าใช้ยาเป็นประจำติดต่อกันเป็นเวลานาน  ยารักษาโรคหัวใจ amiodarone ทำให้เกิดผื่นสีเทาบริเวณแก้มคล้ายฝ้า

 

ฝ้า

 

ีผิวคล้ำ

3.ผื่นแพ้ยาที่คล้ายสิว

  • เป็นผื่นแพ้ยาที่พบบ่อย แตกต่างจากสิวทั่วไปคือ เป็นเม็ดตุ่มสีแดง ขนาด 2-3 มม. มักเกิดขึ้นจำนวนมาก พร้อมๆกัน เกิดบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ ใบหน้า มีอาคาคันร่วมด้วย
  • ยาที่มักเป็นสาเหตุ เช่น ยากลุ่มฮอร์โมนต่างๆ ยากันชัก ฟีโนบาร์บ phynobarb ยารักษาวัณโรค ไรแฟมพิซิน Rifampicin

ยาครีมสเตียรอยด์แบบทา ที่มีความแรงสูงๆ เช่น โคลเบทตาโซน clobetasone

 

ผื่นแพ้สิว

 

4. ผื่นแพ้ยาที่ทำให้เกิดเส้นเลือดอักเสบ

  • ลักษณะเป็นจุดเลือดออกขนาดเล็กๆ มักเป็นบริเวณขา ทั้ง 2 ข้าง
  • เป็นผื่นแพ้ยาที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มี 2 แบบ
  1. แบบแรก มีการอักเสบของเส้นเลือด ผื่นจะเป็นตุ่มนูน อาจพองเป็นน้ำ เกิดร่วมกับไข้ มีข้ออักสบ ไตอักเสบ

 

vasculitis

 

2.แบบที่สองมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ไม่มีการอักเสบของเส้นเลือด ผื่นจะแบนราบ ไม่นูน เกิดจากยาทำให้เกล็ดเลือดลดต่ำลง

 

เส้นเลือดอักเสบ

 

  • ยาที่มักเป็นสาเหตุ เช่น ยารักษาเชื้อรา คีโตโคนาโซล KETOCONAZOLE ยาแก้ปวด NSAID

5. ผมร่วงหรือผมดกดำขึ้นจากการแพ้ยา

  • อาการผมร่วงที่เกิดจากยา จะไม่มีการอักเสบ ไม่มีรังแค ไม่มีผื่นแดง อาจเกิดร่วมกับการหลุดร่วงของขนตามร่างกายบริเวณอื่นๆร่วมด้วย
  • อาการผมร่วงจะค่อยๆเกิด ใช้เวานาน 1-3 เดือน และเมื่อหยุดยาที่แพ้ ผมจะค่อยๆหยุดร่วงและงอกใหม่ได้เอง
  • ยาที่มักทำให้ผมร่วงเช่น ยารักษาโรคมะเร็ง ยาต้านการแข็งตัวของเลือด coumadin
  • ยาบางชนิดทำให้ขนหรือผมดกดำ ยาวมากขึ้น เช่น ยาที่เคยใช้ลดความดันโลหิต ไมน๊อดซีดิล minoxidil ยาที่ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต Finasteride  และยาสเตียรอยด์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : ความหมายผื่นแพ้ยา

 

ผมร่วงจากแพ้ยา

 

หนวดขึ้นในผู้หญิง

สรุป

จากที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าผื่นที่เกิดจากการแพ้ยานั้นมีมากมายหลายรูปแบบ มีทั้งที่เกิดจากยา และ ไม่ได้เกิดจากยาแต่เป็นโรคผิวหนัง  การที่จะบอกหรือแยกได้ว่าผื่นแบบไหนมีสาเหตุจากอะไร ต้องมีการสอบสวนโรค ซึ่งก็คงเป็นหน้าที่ของบุคคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)

การบริบาลทางเภสัชกรรม หมายถึง ความรับผิดชอบของเภสัชกรโดยตรงที่มีต่อการใช้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ถูกต้องตามที่ต้องการและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผลการรักษาที่ถูกต้องคือ

  • หายจากโรค
  • บำบัดหรือบรรเทาอาการโรค 
  • ชะลอหรือยับยั้งการดำเนินของโรค
  • ป้องกันโรค

โดยเภสัชกรจะปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลากรทางการแพทย์ทางสาธาณสุขอื่นๆ เรียกว่า ทีมสหสาขาวิชาชีพและมีหน้าที่หลักในการค้นหา แก้ไข และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ตลอดจนติดตามประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยา เพื่อให้เกิดระบบยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด

สินค้าแนะนำ

แผนที่ที่ตั้งร้าน

ที่ตั้งร้านยา

ร้านยาของเรา

พันธมิตรของเรา

บริษัทยาที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนเรา

DKSH
ZPL
BIOPHARM
สยามฟาร์มา
ยูเนี่ยน
อ้วยอัน
วิทยาศรม
ทรูไลน์เมด
บริษัทชุมชน
สมุนไพรไทย
tnp

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะสำหรับการวิเคราะห์และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะของผู้ใช้งาน

บันทึกการตั้งค่า