การดูแลบาดแผลให้หายเร็ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น

การดูแลบาดแผล

ในปัจจุบันองค์ความรู้เรื่องการดูแลแผลมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การทำแผลแบบดั้งเดิม ที่มีการดูแลแผล คือ ล้างแผล ใส่ยาฆ่าเชื้อ ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ ห้ามแผลถูกน้ำ และ ทำแผลวันละ 1 ครั้ง  วิธีการแบบนี้เรียกว่า การทำแผลแบบแห้ง โดยตั้งอยู่ในหลักการที่ว่า สภาพแผลที่แห้งจะช่วยให้แผลหายเร็ว แต่วิธีนี้แผลจะหายช้าและมักทิ้งรอยแผลเป็นไว้นาน

สนใจเกี่ยวกับแผลเป็นแนะนำอ่านรายละเอียดที่ : การดูแลรักษาแผลเป็น

ในปี ค.ศ. 1960 องค์ความรู้เรื่องวิธีการดูแลแผลได้มีการเปลี่ยนแปลงไป โดย ดร.จอร์จ วินเทอร์ (Dr. George Winter) นำเสนอหลักการ การดูแลบาดแผลให้อยู่ในสภาวะชุ่มชื้นที่เหมาะสม จะช่วยให้แผลหายเร็วกว่าและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น

การหายของแผลจะแตกต่างกัน กล่าวคือ การหายของแผลโดยวิธีการดูแลแผลแบบให้ความชุ่มชื้น จะไม่มีสะเก็ดแผลเกิดขึ้นเหมือนวิธีการดูแลแผลแบบแห้ง  เนื้อเยื่อแผลจะมีสีแดงสด และมีการงอกขยายและเคลื่อนที่ของเซลล์มาสมานแผลได้เร็วกว่า

ทำแผล

285 บาท830 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
355 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page

ชนิดของบาดแผล

บาดแผล คือ การบาดเจ็บทุกชนิดที่ก่อให้เกิดการแตกสลายของผิวหนัง หรือเยื่อบุส่วนอื่นๆ ของร่างกาย รวมทั้งการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นแก่เนื้อเยื่อที่อยู่ส่วนล่างลงไปจากผิวหนัง โดยการเกิดแผลจะหมายความรวมถึงทั้งกรณีมีเลือดไหลออกมา และ ไม่ไหลออกมา แต่คั่งอยู่ใต้ผิวหนัง

ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย ผิวหนังจะประกอบด้วยกัน 3 ชั้น ดังนี้

  • ชั้นหนังกำพร้า (epidermis)
  • ชั้นหนังแท้ (dermis)
  • ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ( subcutaneous fat)

เราสามารถจำแนกชนิดของบาดแผลตามลักษณะการทำลายผิวหนัง ได้ดังนี้

  1. แผลปิด (closed wound) หมายถึง บาดแผลที่ผิวหนังหรือเยื่อบุไม่ฉีกขาดออกจากกัน แต่เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ มักเกิดจากของไม่มีคม แบ่งเป็น
  • แผลฟกช้ำ (contusion/bruise) เป็นการฉีกขาดของกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง พบรอยฟกช้ำ เส้นเลือดแตก เลือดออกแทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อ อาจรวมเป็นก้อนเลือด หากก้อนเล็กร่างกายสามารถดูดซึมเลือดที่คั่งให้หายไปได้เอง
  • แผลกระทบกระเทือน(concussion) เป็นแผลที่มีการกระทบกระเทือนระบบประสาท
  • แผลแตก (rupture) เป็นการแตก ฉีกขาดของอวัยวะภายในร่างกาย
  • แผลผ่าตัด (surgical incision) เป็นแผลที่ขอบเรียบ กล้ามเนื้อและผิวหนังถูกเย็บปิด

แผลปิด

  1. แผลเปิด (opened wound) หมายถึงแผลที่มีการฉีกขาดหรือทำลายผิวหนังให้แยกออกจากกัน แบ่งเป็น
  • แผลถลอก(abrasion wound) เป็นแผลที่มีการทำลายของผิวหนังชั้นนอก มีเลือดซึมออกเล็กน้อย
  • แผลฉีกขาด (laceration wound) ลักษณะของผิวหนังบริเวณขอบแผลที่ฉีกขาดจะกะรุ่งกะริ่ง และมีการทำลายของเนื้อเยื่อมาก แผลอาจลึก เสี่ยงต่อการติดเชื้อ สาเหตุเกิดจากของมีคมหรือไม่มีคมก็ได้
  • แผลตัด (incision wound/cut wound) เป็นแผลที่เกิดจากวัตถุมีคม ขอบแผลเรียบ แต่มีการฉีกขาดของเส้นเลือด เช่น แผลถูกมีดบาด
  • แผลทะลุ (penetration wound) เป็นแผลที่มีความลึกมากว่าความกว้าง และความนยาว ได้แก่แผลถูกแทงด้วยของแหลม แผลถูกยิง
  • แผลที่มีเนื้อเยื่อขาดหรือหลุดออกจากร่างกาย (avulsion wound) เป็นแผลที่มีการตัดขาดของเส้นเลือดเส้นประสาทร่วมด้วย แผลชนิดนี้ทำให้เสียเลือดมาก และมักมีการปนเปื้อนเชื้อมาก
  • แผลถูกระเบิด (explosive wound) เป็นบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิด

แผลเปิด

-13%
20 บาท165 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
29 บาท255 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
45 บาท75 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
45 บาท50 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page

เหตุผลที่การรักษาของแผลให้ชุ่มชื้นทำให้แผลหายเร็วกว่า

การดูแลบาดแผลให้อยู่ในสภาวะชุ่มชื้นที่เหมาะสม จะช่วยให้แผลหายเร็วกว่าและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น

  1. สภาพความชุ่มชื้นจะทำให้แผลมีอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับร่างกาย ทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวได้เต็มที่
  2. มีการเคลื่อนที่ของเซลล์ผิวหนังเพื่อให้เกิดการสมานแผลทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากไม่มีสะเก็ดแผลเป็นตัวขัดขวางการหายของแผลเหมือนในสภาพแผลแห้ง
  3. สภาพความชุ่มชื้นที่มีน้ำเหลืองเคลือบอยู่บนแผลแบบพอเหมาะ จะช่วยให้มีการงอกขยายตัวของเซลล์เกิดขึ้นได้ดี เพราะในน้ำเหลืองมีสารอาหารและอากาศที่ช่วยส่งเสริมการแบ่งตัวของเซลล์
  4. เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์และทำลายเชื้อโรคอยู่บริเวณแผลสามารถทำหน้าที่และมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าในสภาพแบบแผลแห้ง เพราะในน้ำเหลืองมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของเม็ดเลือดขาว
  5. ปลายประสาทรับความรู้สึกบริเวณแผลที่แช่อยู่ในน้ำเหลืองในสภาพแผลชุ่มชื้น จะช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดที่แผลได้ดีกว่า เพราะไม่สัมผัสอากาศโดยตรง
หัวข้อที่ 3

กระบวนการหายของแผล (Phase of wound healing)

กระบวนการหายของแผลแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้

1.ระยะการอักเสบ (Inflamatory phase)

เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นทันทีหลังมีบาดแผล ร่างกายจะเกิดกระบวนการห้ามเลือด (platelet coagulation) โดยเกล็ดเลือดจะมารวมตัวกันบริเวณบาดแผล และเกล็ดเลือดจะกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาว (macrophage) มารวมตัวกันที่บาดแผล โดยเม็ดเลือดขาวจะทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคแบคทีเรีย ไวรัส และเซลล์ที่ตายแล้ว ซึ่งถ้ามีจำนวนมากจะระบายออกสู่ภายนอกในลักษณะหนอง
ระยะนี้แผลจะมีลักษณะ ปวด บวม แดง ร้อน ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดและสารเคมีที่เม็ดเลือดขาวหลั่งออกมา เช่น ฮีสตามีน (histamine) พรอสตาแกลนดิน (plostaglandin)  แผลจะอยู่ในระยะนี้ 2-3 วัน

บาดแผลระยะเริ่มต้น
บาดแผลระยะที่1

2.ระยะการสร้างเนื้อเยื่อ (Proliferative phase)

จะเริ่มเกิดขึ้นในวันที่ 4-12 หลังจากเกิดบาดแผล เป็นช่วงที่มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไปแล้ว ซึ่งจะประกอบด้วย คอลลาเจน หลอดเลือดฝอย เส้นใย และ เซลล์อักเสบ
ระยะนี้แผล จะมีลักษณะเป็นสีแดงสด เป็นมัน คอลลาเจนจะเป็นตัวช่วยยึดขอบแผลให้ติดกันและทำให้แผลหายเร็วขึ้น
ระยะนี้ร่างกายต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยในการหายของแผล หากช่วงนี้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะทำให้กระบวนการนี้ใช้เวลานานขึ้น แผลจะหายช้ากว่าที่ควรจะเป็น

กระบวนการหายของแผล
กระบวนการหายของแผล

3.ระยะจัดเรียงเนื้อเยื่อ (Remodeling phase)

เป็นระยะสุดท้ายของการหายของแผล ใช้เวลานานที่สุด 6 เดือน-1 ปี ในขั้นตอนนี้จะมีการปรับโครงสร้างจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ เพื่อให้แผลมีความแข็งแรงขึ้น

ขั้นตอนการหายของแผล

สนใจเกี่ยวกับกระบวนการหายของแผลอย่างละเอียด แนะนำอ่านเพิ่มเติมที่ : แนวทางการรักษาแผลคีลอยด์ในปัจจุบัน

159 บาท389 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
89 บาท190 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
180 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page

การหายของแผล (Wound healing)

เมื่อร่างกายเกิดบาดแผลขึ้น โดยธรรมชาติร่างกายจะมีกลไกทำให้เกิดการหายของแผล ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการหายของแผล ได้แก่ อายุ ความอ้วน โรคประจำตัว ภาวะโภชนการ ระบบไหลเวียนเลือด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การสูบบุหรี่ และความเครียด
การหายของแผล มี 3 ลักษณะ

1.การหายแบบปฐมภูมิ

เป็นการหายของแผลที่เกิดจากการซ่อมแซมผิวหนังบริเวณปากแผลอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดรอยแผลเป็นน้อยมาก

แผลที่หายดีแล้ว

2.การหายแบบทุติยภูมิ

เป็นการหายของแผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเคมี เช่น มีการทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจน มีการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อมากเกินความจำเป็น ซึ่งทำให้เกิดรอยแผลเป็นชัดเจน

แผลเป็น

3.การหายแบบตติยภูมิ

เป็นการหายของแผลที่มีการติดเชื้อเกิดขึ้น การหายเกิดขึ้นหลังการกำจัดการติดเชื้อ การเกิดรอยแผลเป็นชัดเจนมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับการดูแลแผล

หลักการรักษาแผลที่ถูกต้อง

การดูแลแผลที่ถูกต้องตามหลักการรักษาความชุ่มชื้นให้แผล มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำเกลือล้างแผล หากมีสิ่งสกปรก เศษหิน ดิน ต้องดำออกจากแผลให้หมด มิฉะนั้นจะเกิดรอยดำในแผลเมื่อแผลหาย
    และหากเป็นแผลติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ควรใส่ยาฆ่าเชื้อ และให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
  2. เช็ดรอบแผลด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อเช็ดเอาคราบไขมันออกซึ่งจะทำให้วัสดุปิดแผลยึดติดผิวหนังได้ดีขึ้น
  3. ปิดแผลด้วยวัสดุปิดแผลที่เหมาะสม ควรเป็นวัสดุปิดแผลที่ให้ความชุ่มชื้นกับแผล เช่น แผ่นไฮโดรเจล
  4. ควบคุมการติดเชื้อ หากแผลมีการติดเชื้อ ให้พบแพทย์หรือเภสัชกรทันที เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่แผลโดยเร็วที่สุด
  5. การกำจัดเนื้อตาย เนื้อตายจะมี 2 สี สีเหลือง เรียกว่า slough สีดำ เรียกว่า eschar ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการหายของแผล หากพบเนื้อตายที่เป็นสีเหลือง slough สามารถกำจัดเองได้โดยการใช้เจลกำจัดเนื้อตายที่มีจำหน่ายตามร้านยาทั่วไป เช่น DUODERM GEL™ , INTRASITE GEL™
    เจลเหล่านี้จะทำให้เนื้อตายนิ่มลงและหลุดออกได้เองโดยขบวนการกำจัดเนื้อตายของร่างกาย แผลที่มีเนื้อตาย

6. การควบคุมความชุ่มชื้นให้แผล โดยเลือกใช้วัสดุปิดแผลรุ่นใหม่ที่มีการพัฒนา เช่น Innaqua® ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นอีกด้วย

7. พิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักในแผลที่มีความเสี่ยง โดยถ้าฉีดครบ 3 เข็มจะป้องกันโรคได้นาน 10 ปี และ ถ้าได้ฉีดกระตุ้นด้วย จะอยู่ได้นานเกินกว่า 10 ปี

285 บาท830 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page

วัสดุปิดแผลที่ให้ความชุ่มชื้นแก่บาดแผล

โดยทั่วไปจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • ดูดซึมและเก็บกักสารคัดหลั่ง(exudate) ที่ออกมาจากแผลได้
  • ไม่ทิ้งเศษวัสดุตกค้างภายในแผล
  • น้ำสามารถซึมผ่านออกมาได้
  • ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บเมื่อทำการเปลี่ยนวัสดุปิดแผล
  • ไม่ต้องทำแผลบ่อย
  • ลดความเจ็บปวดให้ผู้ป่วย
  • กระตุ้นการหายของแผล

ในปัจจุบันที่มีจำหน่ายตามร้านยา ได้แก่

1.พลาสเตอร์ฟิล์มใส

มีความบาง ยืดหยุ่นได้ดี มีคุณสมบัติยอมให้อากาศและความชื้นผ่านเข้า-ออกได้ ทำให้ผิวหนังใต้แผ่นฟิล์มไม่หมักหมม ให้ความชุ่มชื้นแก่แผลได้ดี ใช้ปิดกับแผลได้โดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันน้ำและเชื้อโรคได้อีกด้วย

2.พลาสเตอร์ไฮโดรคอลลอยด์และโฮโดรเซลลูลาร์

เป็นแผ่นปิดแผลเพื่อดูดซับน้ำเหลืองและป้องกันการติดเชื้อ มีความหนาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ทำจากโฟมโพลียูริเทรน ไฮโดรเจลไบโอเซลลูโลส เหมาะสำหรับแผลที่มีการสูญเสียเนื้อเยื่อจำนวนมาก  ถ้าใช้กับแผลติดเชื้อ ต้องได้รับการดูแลภายใต้มาตรฐานแผลติดเชื้อ

3. ก๊อซสังเคราะห์ชนิดไม่ติดแผล

เป็นแผ่นปิดแผลที่ดูดซับของเหลวได้ดี หรือ แผ่นฟิล์มเคลือบขี้ผึ้งป้องกันการติดแผล เช่น Bactigras

 

-13%
20 บาท165 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page
18 บาท25 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page

4. เจลใส่แผลกำจัดเนื้อตาย

เป็นเจลใสประกอบด้วยโพลิเมอร์ของแป้งและน้ำ การล้างเจลออกทำได้โดยการใช้น้ำเกลือชะล้างลงไปบนบาดแผล กรณีที่แผลมีเนื้อตายอยู่ควรเปลี่ยนเจลทุกวัน แต่หากเป็นแผลที่ไม่มีเนื้อตาย สามารถทิ้งช่วงของการทำแผลได้นานขึ้น แต่ไม่ควรเกิน 3 วัน

เจลที่ใช้กำจัดเนื้อตาย ที่เป็นที่นิยมใช้และจำหน่ายอยู่ตามร้านยา ได้แก ดูโอเดิมเจล,อินทราไซต์เจล

285 บาท830 บาท
This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page

สรุป

เป้าหมายหลักของการดูแลแผลคือ ทำให้แผลหายเร็วที่สุด เพื่อลดผลไม่พึงประสงค์ เช่น แผลเป็น หรือการติดเชื้อ   ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุในการทำแผลให้เหมาะสมกับสภาวะของบาดแผล มีความสำคัญมาก เพราะวัสดุปิดแผลสมัยใหม่จะมีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร แต่ให้ประโยชน์คุ้มค่า ถ้าเราใช้อย่างถูกวิธี

เอกสารอ้างอิง

  1. ภก. สมบัติ แก้วจินดา, ศ.เกียรติคุณ นพ.จอมจักร จันทรสกุล, นพ. ธรรมนูญ พนมธรรม และ นพ.สมบูรณื ทรัพย์วงศ์เจรฺญ : สาระน่ารู้เรื่องแผล
  2. ภก.กิติยศ ยศสมบัติ : กระบวนการหายของแผล
  3. กิรนา สีนิล, การดูแลแผลขั้นสูง , ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 ,พศ.2563 หน้า 105-115
  4. นพ.อรรถ นิติพน และ พญ.สุธาทิพย์ เวชวิทย์วรากุล  ุศูนย์การรักษาแผล : 
  5. ผศ.ทพญ. สุมิตร พงษ์ศิริ, บาดแผลและการหายของบาดแผล 

การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)

การบริบาลทางเภสัชกรรม หมายถึง ความรับผิดชอบของเภสัชกรโดยตรงที่มีต่อการใช้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ถูกต้องตามที่ต้องการและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผลการรักษาที่ถูกต้องคือ

  • หายจากโรค
  • บำบัดหรือบรรเทาอาการโรค 
  • ชะลอหรือยับยั้งการดำเนินของโรค
  • ป้องกันโรค

โดยเภสัชกรจะปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลากรทางการแพทย์ทางสาธาณสุขอื่นๆ เรียกว่า ทีมสหสาขาวิชาชีพและมีหน้าที่หลักในการค้นหา แก้ไข และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ตลอดจนติดตามประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยา เพื่อให้เกิดระบบยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด

สินค้าแนะนำ

แผนที่ที่ตั้งร้าน

ที่ตั้งร้านยา

ร้านยาของเรา

พันธมิตรของเรา

บริษัทยาที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนเรา

DKSH
ZPL
BIOPHARM
สยามฟาร์มา
ยูเนี่ยน
อ้วยอัน
วิทยาศรม
ทรูไลน์เมด
บริษัทชุมชน
สมุนไพรไทย
tnp

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะสำหรับการวิเคราะห์และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะของผู้ใช้งาน

บันทึกการตั้งค่า