คู่ชีวิต

ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น

ถุงยางเป็นวัสดุคุมกำเนิดที่นิยมใช้มากที่สุด และช่วยให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือการเลือกขนาดที่เหมาะสมและการเก็บรักษาที่ถูกต้อง

 


การเลือกซื้อถุงยางอนามัย

การเลือกซื้อถุงยางอนามัย 

1. อ่านฉลากก่อนซื้อ : อ่านฉลากก่อนซื้อ การอ่านฉลากถุงยางอนามัยก่อนซื้อทุกครั้ง จะทำให้ทราบว่าถุงยางอนามัยดังกล่าว ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วหรือไม่ ถุงยางอนามัยหมดอายุการใช้งานหรือยัง มีความเหมาะสมตรงกับความต้องการของผู้ใช้หรือไม่

2. ประเภทของถุงยางอนามัย : ถุงยางอนามัยแบ่งประเภทตามขนาดความกว้างของถุงยางอนามัย โดยการวัดขนาดให้เหมาะสมกับถุงยางอนามัย ให้วัดรอบวงของอวัยวะเพศขณะแข็งตัวเต็มที่เป็นหน่วยมิลลิเมตร และนำไปหารด้วย 2 จะได้เป็นขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสม

- ขนาดถุงยาง(มม.) รองรับขนาดความใหญ่ของรอบวง (ซม.) ขนาดความใหญ่ของรอบวง (นิ้ว)

  • ถุงยางอนามัยขนาด 49 มม. เท่ากับเส้นรอบวงองคชาติ 11-12 ซม.
  • ถุงยางอนามัยขาด 52 มม. เท่ากับเส้นรอบวงองคชาติ 12-13ซม.
  • ถุงยางอนามัยขนาด 54 มม. เท่ากับเส้นรอบวงองคชาติ 13-14 ซม.
  • ถุงยางอนามัยขนาด 56 มม. เท่ากับเส้นรอบวงองคชาติ 14-15ซม.

3. ชนิดของถุงยางอนามัย : ถุงยางอนามัยแบ่งชนิดตามลักษณะผิว เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดผิวเรียบ และชนิดผิวไม่เรียบ การเลือกซื้อควรสังเกตดูว่า เป็นชนิดที่ตรงกับความต้องการของตนเองหรือไม่ นอกจากนี้ ควรสังเกตข้อความอื่น ๆ เช่น ชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า รุ่นที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต มีสารหล่อลื่นหรือสารฆ่าเชื้ออสุจิ มีสารแต่งกลิ่นหรือไม่

4. การบรรจุ : ควรตรวจดูลักษณะของซองย่อยหรือกล่องบรรจุว่า ชำรุดหรือฉีกขาดหรือไม่ หากพบการชำรุดหรือ ฉีกขาดไม่ควรเลือกซื้อ โดยให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าถุงยางอนามัยที่บรรจุอยู่ภายในอาจฉีกขาดหรือเสื่อมคุณภาพแล้ว

5. การจัดวางสินค้า : ซื้อจากร้านค้าที่มีการเก็บถุงยางอนามัยพ้นจากแสงแดดหรือความร้อน

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัย

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยางอนามัย

1. ระยะเวลาในการใช้งาน : การใช้ 1 ชิ้นจะต้องใช้ไม่เกิน 30 นาที เพราะความสมบูรณ์ของตัวถุงยางอนามัยอาจจะเสื่อมสภาพลง และต้องใช้แล้วทิ้งเท่านั้น ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่โดยเด็ดขาด

2. ระวังสารหล่อลื่น : การผลิตถุงยางอนามัยโดยปกติแล้วจะมีการเติมสารหล่อลื่น สารหล่อลื่นที่ใช้เป็นชนิด ที่มีน้ำหรือซิลิโคนเป็นตัวทำละลาย เช่น กลีเซอรีน เค-วาย การใช้สารหล่อลื่นบางชนิดอาจมีผลกับตัวถุงยางอนามัย จึงควรหลีกเลี่ยงสารหล่อลื่นที่เป็นน้ำมันพืช น้ำมันแร่เป็นตัวละลาย เนื่องจากสารเหล่านี้จะทำปฏิกิริยาจนเกิดความเสียหายต่อถุงยางอนามัยได้

3. ภายหลังการใช้ถุงยางอนามัยไม่ควรสัมผัสถุงยางโดยตรง เพราะอาจมีเชื้อโรคติดอยู่ที่ด้านนอกแล้ว

4. ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วควรนำไปเผา หรือทิ้งลงถังขยะในทันที

5. การเก็บรักษาให้พ้นจากความร้อน หรือแสงแดด และไม่ควรเก็บในที่ชื้น เช่น ในช่องเก็บของบนพาหนะเนื่องจากมีความร้อนสูง และไม่ควรเก็บในที่ถูกทับ หรือบีบรัด เช่น กระเป๋ากางเกง กระเป๋าเงิน เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการชำรุดได้

บทความล่าสุด

ไขความลับปัญหาผมร่วง : ปัจจัยเสี่ยง วิธีป้องกัน และการดูแลที่ถูกต้อง

รากผมเป็นส่วนสำคัญมากต่อการสร้างเส้นผม และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงได้มากที่สุด

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนในคนข้ามเพศวัยผู้ใหญ่: ปลอดภัย เข้าใจง่าย ดูแลตัวเองได้

การให้บริการสุขภาพแก่คนข้ามเพศเป็นไปเพื่อสนับสนุนให้คนข้ามเพศใช้ชีวิตได้ตามสิทธิอย่างเสมอภาค

ตากุ้งยิงคืออะไร เจาะลึกสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลดวงตาให้ปลอดภัย

โรคตากุ้งยิงเกิดจากต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน จะมีทั้งแบบไม่ติดเชื้อและแบบติดเชื้อแบคทีเรีย