วิธีการใช้กระเป๋าน้ำร้อน
1. ทดสอบกระเป๋าน้ำร้อน โดยใส่น้ำลงในกระเป๋าเพื่อดูว่ารั่วหรือไม่
2. เทน้ำทิ้ง ใส่น้ำร้อนลงในกระเป๋าประมานครึ่งหนึ่ง หรือ 2/3 น้ำควรจะร้อน แต่ไม่ใช่น้ำเดือด อย่าเทน้ำที่กำลังเดือดลงในกระเป๋า
3. ไล่ลมออกจากกระเป๋าโดยวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ จับปากกระเป๋ายกขึ้นตั้งตรง ใช้มือกดกระเป๋าให้แบนกับโต๊ะจนกระทั่งน้ำถูกรีดมาถึงคอ ปิดฝากระเป๋าให้แน่น แล้วจึงยกกระเป๋าขึ้น
4. เช็ดกระเป๋าให้แห้ง
5. ยกกระเป๋าเอาก้นขึ้นข้างบน เพื่อดูว่ามีรั่วหรือไม่
6. ใช้ผ้าเช็ดตัวห่อกระเป๋าน้ำร้อนนำไปวางตามที่ ๆต้องการ โดยให้คอของกระเป๋าหันออกจากตัวผู้ป่วย
7. คอยเปลี่ยนน้ำร้อนในกระเป๋าเรื่อยๆเมื่อน้ำอุ่นลง จนกว่าจะได้รับผลตามต้องการ
8. เมื่อเลิกใช้แล้ว ล้างและเช็ดกระเป๋าให้แห้ง ให้มีลมเหลือไว้ในถุงบ้างก่อนปิดฝา เพื่อยางจะได้ไม่ติดกัน
ข้อควรระวังในการใช้
1. อย่าใช้กระเป๋าที่มีรูรั่ว
2. อย่าวางกระเป๋าน้ำอุ่นติดผิวหนังของผู้ป่วยโดยตรงใช้ผ้าพันรอบถุงก่อน อย่าใช้เข็มกลัด จะร้อนเมื่อถูกความร้อน
3. สังเกตว่าผิวหนังแดงหรือไม่ ควรดูผิวหนังบ่อย ๆ ว่ามีรอยแดง หรือพองไหม
4. อย่าใช้น้ำร้อนจัดมากกับเด็ก คนสูงอายุ ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวเป็น เบาหวาน ป่วยหนัก ผอมมาก และผู้ที่ต้องการการไหลเวียนของโลหิตไม่ดี หรือประสาทสัมผัสไม่ดี (หรือเมื่อต้องวางกระเป๋าน้ำร้อน บริเวณที่เป็นกระดูก) ผู้ป่วยเหล่านี้ทนต่อความร้อนไม่ได้มาก อาจทำให้ผิวหนังไหม้พองง่ายถ้าน้ำร้อนจัดเกินไป ควรจะใช้น้ำเพียงอุ่นจัด ๆ เท่านั้น
5. อย่าใช้กระเป๋าน้ำร้อนวางที่ท้องเมื่อปวดท้องแล้วยังไม่ได้รับการตรวจจากแพทย์ เพราะอาจจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ ถ้าวางกระเป๋าน้ำร้อน จะทำให้ไส้ติ่งแตก วางกระเป๋าน้ำร้อนที่ท้องได้ เฉพาะการปวดท้องที่เกิดจากปวคลำไส้มีลม (แก๊ส)
6. บริเวณที่มีความรู้สึกไวต่อความร้อนและอาจไหม้พองได้ง่าย คือ เปลือกตา คอ ข้อศอก ส้นเท้า นิ้วเท้า ปลายนิ้วมือ ข้อเท้า กระดูกก้นกบ สบัก และตรงบริเวณกระดูกอื่น ๆ
7. บางคนแพ้ความร้อน อาการแพ้ที่ต้องคอยสังเกฅคือผิวหนังแดง