เห็ดหลินจือ (Lingzhi หรือ Reishi)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์มา ลูซิดัม (Ganoderma Lucidum)
ชื่อไทย : เห็ดหมื่นปี เห็ดจวักงู
ชื่ออังกฤษ : Lacquered mushroom
ชื่อญี่ปุ่น : Mannantake
เห็ดหลินจือ จัดเป็นราชาแห่งสมุนไพรจีน ที่มีการใช้มานานกว่า 4,000 ปี เป็นยาอายุวัฒนะและรักษาโรคต่าง ๆ ในเภสัชตำรับของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้ม มีพื้นผิวมันวาว มีลักษณะคล้ายไม้ และมีรสขม มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการใช้เห็ดหลินจือเพื่อรักษาหรือบำรุงสุขภาพในประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีนและญี่ปุ่น
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่อาจส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย เช่น
- เส้นใยต่าง ๆ
- โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน
- แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง
- สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ อย่างสเตียรอยด์ (Steroids) เทอร์ปีนอยด์ (Terpenoids) ฟีนอล (Phenols) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลโคโปรตีน (Glycoproteins) พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides)
- สารอนุพันธ์อื่น ๆ โดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine)
แต่สารสำคัญในเห็ดหลินจือที่เป็นประโยชน์ทางยาจะเป็นสารกลุ่ม polysaccharides, terpenes, และสารกลุ่ม glycoproteins
ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือในท้องตลาด
เห็ดหลินจือเป็นเห็ดที่พบได้ในป่าแถบทวีปเอเซีย ปัจจุบันมีการเพาะเห็ดหลินจือในหลายประเทศ การเพาะเลี้ยงเห็ดหลินจือจะต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 เดือน จึงจะได้ดอกเห็ด
ในขณะที่ความต้องการเห็ดหลินจือมีมากทำให้มีการพัฒนาการเพาะเลี้ยงเห็ดในถังหมักจะได้เส้นใย (mycelia) ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่ามาก และสามารถควบคุมสภาวะการณ์ได้ ซึ่งจะทำให้ได้ปริมาณสารสำคัญมากขึ้น ซึ่งสภาวะการณ์ที่เหมาะสมคือ อุณหภูมิ 30-35oC และ pH 4-4.5 และการเติมสารอาหารกรดไขมันจำเป็น
ฉะนั้นเราจะพบผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือในท้องตลาดที่จะได้จากส่วนต่าง ๆ ของเห็ดคือ ส่วนที่เป็นร่มหรือดอกเห็ด (fruity body) สปอร์ และส่วนที่เป็นเส้นใย ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นพบได้ทั้งในรูปแบบที่ไม่ได้สกัด และที่เป็นสารสกัด
- ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือที่ไม่ได้สกัด เช่น ส่วนที่เป็นร่มหรือดอกเห็ด (fruity body) ฝานเป็นชิ้น หรือยังคงเป็นดอกเห็ดทั้งดอก แล้วนำไปต้มกับน้ำ หรือเป็นดอกเห็ดที่บดเป็นผงบรรจุแคปซูลหรือตอกเป็นเม็ด หรือทำเป็นชาชง ส่วนสปอร์ก็จะเป็นสปอร์ที่กระเทาะเปลือกแล้วบรรจุแคปซูล หรือเป็นผงชงกับน้ำ ส่วนที่เป็นเส้นใยจะนำมาตากแห้งแล้วนำไปปรุงเป็นอาหาร ทำเป็นซุป หรือทำเป็นผงบรรจุแคปซูลหรือตอกเป็นเม็ด
2.ผลิตภัณฑ์ที่เป็นรูปสารสกัด จะเป็นการสกัดจากส่วนดอกเห็ดหรือเส้นใยด้วยน้ำร้อน หรือแอลกอฮอล์ แล้วทำให้แห้งบรรจุแคปซูลหรือตอกเป็นเม็ด ปัจจุบันมีการพัฒนาการสกัดโดยใช้วิธี supercritical fluid CO2 extraction ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้อุณหภูมิที่ต่ำ ไม่ต้องใช้ตัวทำละลาย (solvent) เป็นวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
วิธีต้มน้ำเห็ดหลินจือ
- นำเห็ดหลินจืออบแห้งมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปแช่น้ำทิ้งไว้จนนิ่ม
- ให้นำใส่หม้อต้มกับน้ำจนเดือด
- ลดไฟลงแล้วต้มต่อประมาณ 20 นาทีจึงปิดไฟ
- กรองด้วยผ้าขาวเอาเฉพาะน้ำมาดื่มเท่านั้น
งานวิจัย
- การรับประทานสารสกัดเห็ดหลินจือขนาด 2-10 กรัม/วัน ร่วมกับวิตามินซี ขนาด 6-12 กรัม/วัน จะทำให้ถ่ายอุจจาระเหลว
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน ทั้งนี้เพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทาน
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับประทานยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด เช่น ยา aspirin หรือยา warfarin ทั้งนี้เพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์เสริมยาดังกล่าว
- สารสกัดน้ำเห็ดหลินจือมีฤทธิ์เสริมยาต้านจุลชีพ cefazolin ต่อเชื้อ Klebsiella oxytoca ATCC 8724, Bacillus subtilis ATCC 6603, Staphylococcus aureus ATCC 25923, Escherichia coli ATCC 25933 และ Salmonella typhi ATCC 6509
- ต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน และป้องกันการทำลายเซลล์ตับ จากการทดลองหาประสิทธิภาพของสารไตรเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) และโพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) ในเห็ดหลินจือในด้านการต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน และการป้องกันการทำลายเซลล์ตับในกลุ่มผู้ทดลองที่มีสุขภาพดี 42 คน ผลลัพธ์ที่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของตับ
อาการข้างเคียงจากการรับประทานเห็ดหลินจือ
การรับประทานสารสกัดเห็ดหลินจือคู่กับวิตามินซีทำให้เพิ่มการดูดซึม ส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียง ได้แก่ ปากแห้ง หิวน้ำบ่อย มีแผลร้อนใน แนะนำให้ดื่มน้ำปริมาณมากๆ
การรับประทานสารสกัดเห็ดหลินจือเกิน 4-6 เดือนก็อาจทำให้เกิดอาการปากแห้ง วิงเวียนได้ จึงควรรับประทานเพียง 4 เดือนแล้วหยุดยา 1 เดือน ค่อยเริ่มรับประทานใหม่
สรุป : การรับประทานผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือจะต้องระวังในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่เปลี่ยนถ่ายอวัยวะที่ต้องรับประทานยากดภูมิต้านทาน และผู้ป่วยที่รับประทานยาป้องกันการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ส่วนผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะต้องระวังการแพ้สปอร์ของเห็ด