อาการล้า
ภาวะเครียด

แสดง %d รายการ

ผลิตภัณฑ์ช่วยลดภาวะเครียด

ภาวะเครียด ทำให้เกิดอาการปวดหัว ปวดตามร่างกาย ลำไส้ทำงานปั่นป่วน ท้องเสีย ใจสั่นง่าย เหงื่อออกอ่อนล้า ไม่อยากทำอะไร ไม่มีสมาธิ ซึมเศร้า วิตกกังวล

 


วิตามินบีรวม

วิตามินบีรวม หลากคุณประโยชน์ในหนึ่งเดียว

   วิตามินบีเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายและระบบประสาท โดยจัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้ดีและมักไม่สะสมภายในร่างกาย คนเราจึงจำเป็นต้องได้วิตาบินบีอย่างเพียงพอในทุก ๆ วัน เพื่อสุขภาพที่ดี ในปัจจุบันมีการนำวิตามินบีชนิดต่าง ๆ มารวมอยู่ในเม็ดเดียวกันหรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินบีรวม ซึ่งง่ายต่อการรับประทาน และแต่ละชนิดก็มีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันไป 

ในวิตามินบีรวม 1 เม็ดมีอะไรบ้าง ?

  • วิตามินบี 1 : อีกชื่อว่าไธอามีน (Thiamine) จะมีหน้าที่ในกระบวนการสร้างพลังงานจากสารอาหารในร่างกาย อีกทั้งอาจช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น โดยพบมากในข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี นมถั่วเหลือง ถั่ว งา เมล็ดทานตะวัน และเนื้อหมู 
  • วิตามินบี 2 : ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างพลังงานให้กับร่างกายจากกระบวนการย่อยอาหาร และอาจช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งไรโบฟลาวินนั้นพบมากในไข่ไก่ เนื้อวัว เครื่องในสัตว์ เห็ด ผักใบเขียวอย่างบรอกโคลีและผักโขม
  • วิตามินบี 3 : ไนอะซิน (Niacin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนชะลอการเสื่อมของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเอนไซม์ในร่างกาย เสริมการทำงานของสมอง โดยไนอะซินพบได้ในข้าวกล้อง ถั่วลิสง เนื้อไก่ ตับ ปลาทูน่า และปลาแซลมอน
  • วิตามินบี 5 : กรดแพนโทเทนิก (Pantothenic Acid) นอกจากจะช่วยในกระบวนการย่อยอาหารแล้ว ยังช่วยในการสร้างและสลายไขมัน เสริมสร้างการผลิตฮอร์โมน รวมทั้งช่วยบำรุงผม เล็บ และผิวให้สุขภาพดีขึ้นด้วย กรดแพนโททินิกพบได้ในข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน เห็ด มันฝรั่ง บรอกโคลี อาหารทะเล เครื่องใน นม ไข่ และโยเกิร์ต
  • วิตามินบี 6 : ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายเสริมสร้างการผลิตเม็ดเลือดแดง อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างสารสื่อประสาทและอาจช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ให้ดีขึ้น โดยวิตามินบี 6 พบมากในเครื่องในสัตว์ อกไก่ มันฝรั่ง กล้วย และถั่วลูกไก่
  • วิตามินบี 7 : ชื่อ ไบโอติน (Biotin) จัดเป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนในการบำรุงสุขภาพและร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเล็บ เส้นผม ผิวหนัง ดวงตา และสมอง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ไบโอตินนั้นมักพบได้จากอาหารอย่างไข่แดง ตับ ไต  ถั่วลิสง อัลมอนด์ ถั่วเหลือง ดอกกะหล่ำ หรือกล้วย
  • วิตามินบี 9 : โฟเลท (Folate) เป็นสารอาหารที่ขาดไม่ได้ในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะโฟเลทมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ คุณแม่ที่ได้รับโฟเลทอย่างเพียงพออาจลดความเสี่ยงของความผิดปกติของทารกในระหว่างตั้งครรภ์ สำหรับคนทั่วไปก็เป็นสารอาหารที่จำเป็นเช่นกัน เพราะช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้นและลดความเหนื่อยล้าจากภาวะโลหิตจาง โดยโฟเลทสามารถพบได้ในตับ ถั่ว ไข่ มะละกอ กล้วย อะโวคาโด ผักใบเขียวอย่างผักปวยเล้งและบรอกโคล

 

  • วิตามินบี 12โคบาลามีน (Cobalamin) มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงด้านปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ภาวะเลือดจาง ภาวะผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ โรคสมองเสื่อม และภาวะผิดปกติทางอารมณ์ โดยโคบาลามีนนั้นมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง อีกทั้งยังทำปฏิกิริยากับสารสื่อประสาทที่มีผลต่ออารมณ์ในทางที่ดีขึ้น โดยพบได้มากในอาหารประเภทไข่ เนื้อสัตว์ ตับ ปลา นม โยเกิร์ต หรือชีส

ดังนั้น วิตามินบีรวมจึงถือเป็นการรวมเอาประโยชน์ของสารอาหารเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนในแต่ละวัน ส่งผลให้ร่างกายและระบบประสาทสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บางผลิตภัณฑ์ยังมีการนำวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์อื่น ๆ อย่างวิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี มาผสานเข้ากับวิตามินบีรวม เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายหรือเสริมสุขภาพในด้านอื่นเพิ่มเติม

วิตามินบีรวมในปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีอยู่หลายรูปแบบ 

ชนิดเม็ดหรือแคปซูล
วิตามินบีรวมแบบนี้ต้องใช้เวลาในการย่อย โดยตัวยาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอ จึงอาจช่วยให้สารอาหารนั้น ๆ อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น แต่อาหารที่รับประทานร่วมอาจรบกวนการดูดซึมได้ รวมทั้งอาจมีกลิ่นหรือรสชาติที่ทำให้ไม่น่ารับประทาน และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนอย่างผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยก็อาจรับประทานได้ยาก

ชนิดเม็ดฟู่
เป็นวิตามินในรูปแบบที่ควรนำไปละลายในน้ำเปล่าก่อนรับประทาน โดยมีข้อดี คือ ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนยาก็สามารถรับประทานได้ง่าย อีกทั้งยังมีกลิ่นหรือรสชาติที่ง่ายต่อการรับประทาน อย่างไรก็ตาม ควรรอให้ฟองฟู่ลดลงก่อนรับประทาน เพื่อป้องกันอาการแน่นท้องจากฟองในภายหลัง 

ผลข้างเคียงของการใช้วิตามินบีรวมที่พบได้ทั่วไป คือ ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มและมีกลิ่น ซึ่งเป็นผลมาจากการขับวิตามินส่วนเกินออก แต่ไม่ใช่ผลเคียงที่เป็นอันตราย 

ภชนเภสัชภัณฑ์ (complementary medicines) 

เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่วมกับการดูแลสุขภาพอื่นๆ  

วิตามินบีรวม

  • วิตามินบีรวม มีส่วนสำคัญต่อการสังเคราะห์สารสื่อประสาท ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพของระบบประสาทและสุขภาพจิต
  • โฟเลต วิตามินบี 6 และ วิตามินบี 12  มีบทบาทต่อสุขภาพของระบบประสาทและการเผาผลาญเพื่อให้ได้พลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับสารโฮโมซิสเตอีน ซึ่งเป็นสารที่พบมากในภาวะสมองเสื่อม และ ภาวะการรู้คิดที่แย่ลง
  • การใช้วิตามินบีรวมที่มีส่วนผสมของวิตามินซีและเกลือแร่ต่างๆ ช่วยลดระดับฮอร์โมนซิสเตอีนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

แมกนีเซียม

  • ระดับแมกเนเซียมที่ต่ำ มีความสัมพันธ์กับภาวะวิตกกังวล 
  • การทานแมกเนเซียมเสริม ช่วยลดอาการวิตกกังวลก่อนมีประจำเดือน ภาวะซึมเศร้า และลดระดับความดันโลหิตได้ด้วย

 

 

วิธีรับมือกับภาวะเครียด

5 วิธีจัดการความเครียด

ตามระดับของความเครียดที่มากเกินไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ภูมิต้านทางของร่างกาย ระบบการทำงานของหัวใจ และระบบประสาทส่วนกลางที่ทำงานเกี่ยวกับฮอร์โมนของร่างกาย รวมถึงส่งผลต่อภาวะอารมณ์ของบุคคลให้รุนแรงขึ้นได้ ซึ่งการมีความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อร่างกายให้เกิดภาวะวิตกกังวล นอนไม่หลับ ปวดกล้ามเนื้อตามร่างกาย ความดันเลือดสูง และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ความเครียดสามารถก่อให้เกิดความเจ็บป่วยของร่างกายที่มีความรุนแรง เช่น โรคหัวใจ โรคซึมเศร้า โรคอ้วน แต่ในปัจจุบันมีหลายวิธีที่ช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้นแตกต่างกันไปในแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอดิเรกที่ทำให้รู้สึกมีความสุข เช่น การปลูกต้นไม้ การเล่นดนตรี  การทำงาน ศิลปะ หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ การเดิน ซึ่งการศึกษาต่างๆ เกี่ยวกับด้านจิตวิทยามีเทคนิคที่ช่วยให้เราสามารถลดความเครียดลงได้ สรุปแล้วมี 5 วิธี ดังนี้

1. การพักจากสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียด 

เมื่อเราถอยออกมาก้าวหนึ่งจากปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา และให้เราได้มีเวลาทำบางสิ่งที่สามารถช่วยให้ได้มีมุมมองใหม่ๆ ต่อปัญหาที่มีอยู่ ช่วยให้ความรู้สึกเครียดที่หนักอึ้งอยู่ลดลง

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือเราไม่ได้หลีกเลี่ยงออกจากปัญหานั้นที่ทำให้เกิดความเครียด เพราะปัญหาเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ลุล่วงผ่านพ้นไป แต่การได้พักสักประมาณ 20 นาที ก็เป็นประโยชน์และบางทีก็ช่วยให้เราได้มีเวลากลับมาดูแลตัวเองก่อน

2. การออกกำลังกาย 

เป็นหนึ่งในวิธีที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อจิตใจและร่างกายของเรา ที่ผ่านเราจะได้ยินมาว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เราได้รับประโยชน์ต่อร่างกายในระยะยาว แต่เพียง 20 นาที ที่เราออกกำลังกายในแต่ะครั้ง เช่น การเดินวิ่ง การว่ายน้ำ หรือการเต้น ในช่วงเวลาที่มีความเครียดสามารถเป็นประโยชน์ต่อจิตใจของเราให้ผ่อนคลายลงได้ไม่น้อยเลย

3. การยิ้มและหัวเราะ 

สมองของเรามีความเชื่อมโยงกันกับอารมณ์ และการแสดงออกทางสีหน้าของเรา เมื่อเราเกิดความเครียด มันจะแสดงออกมาบนสีหน้าของเรา ดังนั้นการยิ้มหรือหัวเราะ สามารถช่วยให้เราบรรเทาความเครียดที่มีอยู่ลงได้ ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของเราที่มีต่อตัวเองดีขึ้น

4. การได้รับความช่วยเหลือจากคนในสังคม 

เมื่อเราได้แบ่งปันเรื่องราวปัญหาบางอย่างที่กำลังประสบหรืออารมณ์ความรู้สึกแย่ๆ ที่มีอยู่กับอีกคนนึง เช่น การโทรหาเพื่อน การส่งเมลระหว่างกัน ช่วยให้ความเครียดเบาบางลงไปได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือคนที่เราเข้าไปพูดคุยด้วยนั้นเป็นคนที่เราไว้วางใจและรับรู้ได้ว่าเขาสามารถมีความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเราได้ โดยเลือกคนที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัญหาที่เรากำลังมีอยู่

5. การทำสมาธิ 

ช่วยให้จิตใจและร่างกายของเราได้ผ่อนคลายและสงบลง การฝึกสติสามารถทำให้เราได้มองเห็นมุมมองใหม่ๆ ที่มีต่อปัญหา ให้เวลาเราได้เกิดการพัฒนาความเมตตาต่อตนเอง และการให้อภัยต่อตนเองจากสิ่งที่เกิดขึ้น 

 

กิจกรรมที่ช่วยให้เราเกิดสมาธิมีอยู่หลากหลายในปัจจุบัน เช่น การออกกำลังกาย ซึ่งมีงานวิจัยที่ผ่านมาแสดงว่า การทำสมาธิช่วงสั้นๆ ผ่านการออกกำลังกายก็ช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากการมีจิตใจที่สงบมากขึ้นได้

9 สิ่งที่ควรทำเมื่อเครียด ให้ผลดีอย่างเห็นได้ชัด!

ชีวิตคุณอาจยุ่งเหยิงวุ่นวายได้มากเท่าที่คุณยอมให้เป็น – นั่นหมายความว่า คุณอาจกำลังทำให้ชีวิตของคุณเครียดกว่าที่มันควรจะเป็น  เพื่อให้ความเครียดของคุณน้อยลง ควรดึงตัวเองให้ช้าลง หายใจลึกๆ และลองทำตามบางคำแนะนำเหล่านี้

  1.  ควรรู้ว่าอะไรคือสิ่งคุณที่คุณกำลังพยายามทำให้สำเร็จ และเพราะอะไร การขาดทิศทาง อาจก่อให้เกิดความเครียด ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตาม ที่คุณต้องการทำสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ควรพยายามทำความคิดและจิตใจให้สงบ มุ่งความคิดไปในสิ่งที่คุณต้องการ และทำไมคุณจึงต้องการมัน คุณจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ หากคุณไม่รู้ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร
  2. ให้ความสนใจเฉพาะสิ่งที่สำคัญ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำสิ่งสำคัญที่สุดก่อน และให้ความสนใจเฉพาะสิ่งที่จำเป็น แล้วละทิ้งสิ่งที่เหลือไปบ้าง
  3. ดูที่ความก้าวหน้า ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ เลิกพยายามทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะคุณกำลังทำให้ตัวเองพบกับความผิดหวัง เพียงแค่คุณทำให้ดีที่สุด มุ่งเน้นไปที่ความคืบหน้าของงานที่คุณทำ และก้าวถัดไปในสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำ
  4. ชำระล้างใจคุณทุกคืน เช่นเดียวกับร่างกาย จิตใจก็ต้องการการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน จงพยายามให้อภัยผู้คนและปล่อยวางเมื่อสิ้นสุดวัน เช้าวันถัดมา คุณจะตื่นขึ้นอย่างสดชื่นและปราศจากความคิดด้านลบใดๆ
  5. เพิกเฉยต่อความคิดที่ไม่จริง คุณต้องเรียนรู้วิธีการคิดแบบใหม่ก่อนที่คุณจะสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตที่คุณเป็น เบื้องหลังของทุกความรู้สึกเครียดจะเป็นความคิดที่ไม่เป็นจริง เมื่อคุณเปลี่ยนความคิดและวิธีการคิดของคุณ คุณจะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ
  6. ความเครียดเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ จงยอมรับ และปล่อยมันไป เราทุกคนอาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความเครียด มันคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ เตรียมรับมือ และก้าวต่อไป 
  7. ดูแลร่างกายของคุณ การออกกำลังกาย เป็นวิธีการที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการลดความเครียด ดังนั้น คุณควรออกกำลังกายโดยไม่ให้มีสิ่งอื่นมารบกวนเป็นเวลา 30-60 นาทีต่อวัน และให้มั่นใจว่าคุณรับประทานอาหารที่สมดุลและดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
  8. ทำสิ่งดีๆ หนึ่งอย่างให้กับตัวเองทุกวัน จงให้ความสำคัญสูงสุดกับตัวคุณเอง  ซึ่งการมอบบางสิ่งที่พิเศษให้กับตัวเอง เช่น ให้เวลาพักกับการอ่านหนังสือเงียบๆ ดื่มกาแฟกับเพื่อน นวด เดินเล่นไกลๆ และควรจำไว้ว่า คุณเป็นผู้ที่สมควรได้รับมัน
  9. ทำให้เรียบง่ายและมีระเบียบ พยายามทำให้บ้าน โต๊ะทำงาน และสมุดบันทึกของคุณไม่ยุ่งเหยิง หรืออีกนัยหนึ่งคือ อย่าผูกมัดตัวเองมากเกินไป ให้พื้นที่กับเวลาให้ตัวเองได้หายใจบ้าง...เพื่อที่คุณจะได้สำรวจหาความสุขเล็กๆ ได้ในทุกวัน

บทความที่เกี่ยวข้อง