Biotin
เป็นวิตามินละลายในน้ำ จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินบี (หรืออาจเรียกว่า Vitamin B7 หรือ Vitamin H) สามารถพบได้ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น ยีสต์ ดอกกะหล่ำ แซลมอน กล้วย แอบเปิ้ล มะเขือเทศ แครอทไข่แดง ปลาซาร์ดีน และเห็ด มีหน้าที่หลักอยู่ในกระบวนการเผาผลาญไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต
นอกจากนี้ แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้สามารถสร้างไบโอตินที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้อีกด้วย
ร่างกายจำเป็นที่จะต้องใช้ไบโอตินในกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่โดยเฉพาะเซลล์ที่แบ่งตัวอยู่ตลอดเวลา เช่น เส้นผมและเล็บ ดังนั้นการขาดไบโอตินอาจทำให้เกิดภาวะผมร่วงและภาวะผิวหนังอักเสบได้
ไบโอตินมีคุณสมบัติในการช่วยเปลี่ยนคาร์โบโอเดรต ไขมันและโปรตีนในอาหารที่ได้รับให้กลายเป็นพลังงาน
ปริมาณที่ U.S. Food and Nutrition Board of the national Academy of Science’s Institute of Medicine แนะนำให้ผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 19 ปี ควรรับประทาน Biotin วันละ 30 ไมโครกรัม
ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับ ขนาดยา ระยะเวลาที่ใช้ และประสิทธิผลที่ได้รับจากการใช้ไบโอตินรักษาภาวะผมร่วงเช่นเดียวกัน
ในทางการแพทย์มีการนำไบโอตินมาใช้ในฐานะสารบำรุงร่างกายที่มีประโยชน์ที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิเช่น แก้ไขปัญหาเล็บเปราะ ลดอาการผิวแห้งคัน บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน และเสริมสร้างพัฒนาการของทารกที่อยู่ในครรภ์ เป็นต้น แต่โดยหลักแล้วไบโอตินมักถูกนำมาใช้ในการบำรุงรักษาปัญหาที่เกี่ยวกับเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาหรือหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์พิสูจน์ผลลัพธ์ของไบโอตินในการดูแลเส้นผมย่างชัดเจน แต่จากการศึกษาในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าไบโอตินอาจมีประโยชน์ต่อร่างกายดังที่กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นบ้างพอสมควร
ชื่ออื่นๆ : สนโคแอสทอล , สนเมอร์ไทม์ฝรั่งเศส , Pin des Landes
ชื่อสามัญ : Pinus pinuster Solander
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pinus Maritama
ชื่อวงศ์ : Pinaceae
สารสกัดเปลือกสน (Pine Bark Extract) หรือ เปลือกของต้นสนมาริไทม์ฝรั่งเศส เป็นไม้สนที่ขึ้นในแถบตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของเมดิเตอร์เรเนียน ชาวยุโรปได้นำเปลือกสนนี้มาใช้เป็นยาพื้นบ้านเพื่อรักษาอาการปวดบวม และลดอาการอักเสบ ต่อมามีการวิจัยว่าเปลือกสนมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจึงกลายเป็นที่นิยมรับประทานในรูปแบบอาหารเสริมมากขึ้น และยังถูกนำไปใช้ในแวดวงความสวยความงามอีกด้วย
องค์ประกอบทางเคมี
สารสำคัญที่สกัดได้จากเปลือกต้นสนมาริไทม์ ประกอบด้วยกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์(bioflavonoids) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้น พบว่ามีสารสำคัญโปรแอนโธไซยานิดิน(proanthocyanidins) คล้ายกับที่พบใน สารสกัดเมล็ดองุ่น(grape seed extract)
โปรแอนโธไซยานิดิน” (Oligomeric Proanthocyanidin Complexes - OPCs) ซึ่งมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง(Super Antioxidant) ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน C ถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามิน E ถึง50 เท่า
นอกจากนี้ยังช่วยเสริมฤทธิ์ของวิตามิน C และ E ซึ่งมีหน้าที่ช่วยป้องกันและลดการทำลายเซลล์จากสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายตลอดเวลา ข้อดีของสาร OPCs ก็คือ ทนความร้อนและละลายน้ำได้ดีมาก
Pycnogenol นั้นประกอบได้ด้วยสารไบโอฟลาโวนอยด์หลายประเภท อาทิเช่น คาเทชิน (catechin), อีพิคาเทชิน (epicatechin), ฟลาโวน (flavones) และ แทกซิโฟลิน (taxifolin) อีกทั้งยังอุดมไปด้วยกรดผลไม้ที่สำคัญหลายชนิด ได้แก่ กรดคาเฟอิก (caffeic acid),กรดเฟอรูลิก (ferulic acid), กรดแกลลิก (gallic acid), กรดคูมาริก (coumaric acid) และ กรดวานิลิก (vanillic acid)
การศึกษาทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากเปลือกสน
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2545 รายงานว่าการรับประทานพิคโนจีนอล 75 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 1 เดือน ทำให้พื้นที่และความเข้มข้นของฝ้าลดลง โดยไม่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายแต่อย่างใด งานวิจัยเจาะลึกพบว่า พิคโนจีนอล ช่วยลดปัญหาสีผิวได้โดยเป็นสารต้านอนุมูลิอิสระประสิทธิภาพสูง จึงจับอนุมูลอิสระซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ นอกจากนี้ยังไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างเอนไซน์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้เองเพิ่มอีกถึงสองเท่า และช่วยให้เซลล์สามารถนำวิตามินและวิตามินอีกลับมาใช้ได้อีก
การวิจัยในปี 2547 รายงานว่า พิคโนจีนอล ช่วยปกป้องไม่ให้คอลลาเจนและอิลาตินในชั้นผิวถูกทำลาย และยังช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวอีกด้วย การทดลองในผู้หญิง 62 คน พบว่า ความยึดหยุ่นในชั้นผิวเพิ่มขึ้นถึง 9% ในเวลาเพียง 6 สัปดาห์
งานวิจัยที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นการศึกษาที่ทำในประเทศจีน โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Zhigang Ni และคณะวิจัย พวกเขาค้นพบว่า คุณสมบัติในการเป็นแอนติอกกซิเดนท์ในเปลือกสนสกัดนี้ จะช่วยลดปฎิกริยาและการเพิ่มเม็ดสีที่ผิวหนังเมื่อถูกแสงแดดทำให้ผิวขาวขึ้น สารโอพีซีในเปลือกสนสกัดสามารถลดขนาด และความเข้มของฝ้าโดยไม่มีผลข้างเคียงกับผิวบริเวณอื่นเลย
วิธีการรับประทานเปลือกสนสกัด
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางทั่วไปแล้วแนะนำให้รับประทานเปลือกสนสกัดปริมาณ 50-200 มิลลิกรัมต่อวัน