sante lutax20

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตา SANTE LUTAX 20 ผลิตและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

• รับประทานวันละ 1 แคปซูลหลังอาหาร วันละครั้ง
• แหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ผลิตและนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
• บรรจุใน Soft Gel Capsule เม็ดเล็ก กลืนง่าย สะดวกในการรับประทาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
• ใช้เทคโนโลยี F-CAP : ป้องกันความร้อน, แสงและสภาพแวดล้อม ช่วยคงคุณภาพของลูทีน
• ตัวแคปซูลทั้งหมดบรรจุอยู่ในแผง Blister Pack ช่วยรักษาคุณภาพของลูทีน
• จักษุแพทย์ญี่ปุ่นให้ความไว้วางใจ
• เลขที่จดแจ้ง อย. 10-3-09458-1-0001
• ขนาดบรรจุ : 30 ซอฟท์เจล แคปซูล

ส่วนประกอบสำคัญของ SANTE LUTAX 20

ใน 1 แคปซูลประกอบด้วย Lutein 20 mg.

 

 

คุณสมบัติเหมาะสำหรับ

• ผู้ใช้งานจอมือถือและคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
• ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเริ่มมีอาการของการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม
• ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกตา ซึ่งมีความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
• ผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดโรคต้อกระจก

ลูทีน (Lutein) คืออะไร

• เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในดวงตาของเรามีอยู่มากที่จุดรับภาพและในเลนส์ตา ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารลูทีนขึ้นมาใช้เองได้ ต้องได้รับจากการรับประทานเท่านั้น
• ระดับของปริมาณสารลูทีนในดวงตา ขึ้นอยู่กับปริมาณสารลูทีนที่ได้รับจากการรับประทาน และการดูดซึมลูทีนเข้าสู่ร่างกายขึ้นอยู่กับระดับอายุ โดยอายุที่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารต่างๆได้น้อยลง
• ลูทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant) ที่จะช่วยชะลอการเสื่อมหรือสูญเสียการองเห็น
• ลูทีนช่วยปกป้องเซลล์รับแสงและช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาก่อนที่จะตกไปยังจุดรับภาพ2 สามารถช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดโรคต้อกระจกและจุดรับภาพที่จอประสาทตาเสื่อม

การเก็บรักษา:

• เก็บไว้ที่แห้งและเย็น
• หลีกเลี่ยงแสงแดด

 

========================================================================================

สาระความรู้โรคตา

ภาวะจุดรับภาพที่จอประสาทตาเสื่อม Age-Related-Macular-Degeneration (AMD)

• จุดรับภาพ (Macular) อยู่บริเวณตรงกลางของจอประสาทตา ช่วยการมองเห็นภาพที่คมชัดตรงส่วนกลางของภาพ หากมีการเสื่อมหรือถูกทำลายจะส่งผลต่อการมองเห็นภาพที่จะขาดความคมชัดหรือเกิดจุดบอดบริเวณกึ่งกลางภาพ จนสุดท้ายส่งผลทำให้ตาบอดได้

ต้อกระจก (Cataract) 

• พบมากในผู้สูงอายุ เกิดจากเลนส์แก้วตาเสื่อมสภาพจนมีความขุ่นมัว แสงจึงส่งผ่านไปยังประสาทตาไม่เต็มที่สายตาจะมัวลงช้าๆ ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนโดยไม่มีอาการเจ็บปวด
• ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ดวงตาได้รับแสงอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานาน, การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน, โรคตาบางชนิด เช่น โรคจอประสาทตา โรคต้อหิน หรือการอักเสบเป็นแผลของกระจกตา รวมถึงโรคที่อาจทำให้เป็นต้อกระจกได้เร็วขึ้น เช่น โรคเบาหวาน
• แสงสีฟ้า (Blue Light) : เป็นส่วนหนึ่งของแสงที่เราพบในแต่ละวัน ทั้งจากแสงแดด หลอดไฟฟลูออเรสเซนส์หน้าจอคอมพิวเตอร์, มือถือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
  แสงสีฟ้า ถือได้ว่าเป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงสามารถที่จะไปกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระภายในลูกตา ส่งผลต่อเซลล์จอประสาทตา