ภาวะ ผมร่วง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ปกติเส้นผมจะมีอัตราร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ 50-100 เส้น แต่ก็จะมีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ผมที่ร่วงไปตามวงจรชีวิตของเส้นผม
โดยทั่วไปในผู้หญิงจะมีผมร่วงได้ 100-150 เส้นต่อวัน แต่หากร่วงมากถึง 200 เส้นต่อวัน ถือว่าผิดปกติ ในขณะที่ผู้ชายจะมีผมร่วงได้ 50-60 เส้นต่อวัน หากร่วงเกิน 100 เส้นต่อวันถือว่าผิดปกติ
อาการ ผมร่วง สามารถเกิดขึ้นได้ทีละน้อยหรือเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน และอาจเป็นแบบถาวรหรือชั่วคราวได้ แต่เป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยให้ผมร่วงแบบผิดปกติเป็นเวลานานโดยไม่แก้ไข อาจทำให้เกิดผมบางหรือศีรษะล้านอย่างถาวรได้ ดังนั้นวิธีรักษาผมร่วงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องศึกษาและปฏิบัติตามก่อนสายเกินแก้

วงจรชีวิตเส้นผม
เส้นผมของคนเรามีประมาณ 100,000 เส้น วงจรชีวิตเส้นผมมี 4 ระยะดังนี้
1. ระยะเจริญเติบโต (anagen phase)
เป็นระยะที่ต่อมรากผมอยู่ลึกที่สุดในชั้นหนังแท้ โดยมีหลอดเลือดมาหล่อเลี้ยงอยู่มากมาย สามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เส้นผมงอกยาวขึ้น เส้นผมส่วนใหญ่ประมาณ 85-90 % อยู่ในระยะนี้ เส้นผมมจะเติบโตบนหนังศีรษะอยู่ประมาณ 1,000 วันหรือประมาณ 3 ปี ก่อนที่จะเข้าระยะถัดไป
เส้นผมจะงอกยาวเดือนละประมาณ 1 เซนติเมตร และสามารถยาวได้ถึง 30-100 เซนติเมตรก่อนที่จะร่วงออก ระยะเวลาใน Anagen phase นี้ในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม อายุ ฮอร์โมนของแต่ละคน
2. ระยะหยุดเจริญเติบโต ( Catagen phase)
เป็นระยะที่เส้นผมหยุดการเจริญเติบโต ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซล์และค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้น จนแยกตัวออกมาจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยงรากผม ทำให้เส้นผมขาดสารอาหาร เตรียมพร้อมสำหรับการหลุดร่วง ระยะนี้พบได้ 1 % ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะ และเส้มผมจะอยู่ระยะนี้เพียง 2-3 สัปดาห์ก่อนเข้าสู่ระยะถัดไป
3. ระยะพัก (Telogen phase)
เป็นระยะที่ต่อมรากผมจะหยุดสร้างผม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสร้างเส้นผมชุดถัดไป รากผมมที่ถูกดันขึ้นจนสุดจะค่อยๆลดต่ำลงมาอยู่ระดับเดิม เส้นผมทั้งศีรษะจะอู่ที่ระยะนี้ประมาณ 10-15 % ใช้เวลาพักประมาณ 1-4 เดือน หลังจากนั้นรากผมจกลับมาสร้างเส้นผมชุดใหม่
4. Exogen phase
เป็นช่วงที่รากผมพร้อมจะสร้างเส้นผมชุดใหม่ เส้นผมชุดใหม่นี้จะค่อยๆดันเส้มผมชุดเก่าที่ยังอยู่ในรูขุมขนออก

โดยธรรมชาติเส้นผมจะมีความหนาแน่นมากที่สุดถึงอายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นความหนาแน่นและขนาดของเส้นผมจะเริ่มลดลง เพราะวงจรชีวิตเส้นผมเริ่มสั้นลง ทำให้เส้นผมร่วงถี่ขึ้นและบางลง แต่วงจรชีวิตส้นผมจะสามารถผลิตเส้นผมได้ 20 ชุดตลอดชีวิต ดังนั้นถ้ามีการดูแลเอาใจใส่และบำรุงหนังศีรษะอย่างถูกต้อง จะสามารถมีผมได้อย่างยาวนานเช่นกัน
โครงสร้างของเส้นผม
ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยกรดอะมิโนและแร่ธาตุต่างๆ เช่น คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ ที่มีผลในการป้องกันหนังศีรษะ แบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้
1. รากผม ( hair root ) :
ส่วนของโคนผมที่ฝังอยู่ในรูขุมขนภายใต้ชั้นผิวหนัง ตังแต่ชั้นหนังกำพร้า ( Epidermis) จนถึงชั้นหนังแท้ ( Dermis) บางครั้งอยู่ลึกถึงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ( Subcutaneous tissue) ทำหน้าที่สร้างเส้นผม ดังนั้นการมีรากผมที่แข็งแรง จึงหมายถึงการมีเส้นผมที่เส้นใหญ่ ดกหนา และสุขภาพดี รากผมมีส่วนประกอบ 4 ส่วนดังนี้
1.1 ต่อมรากผม ( hair follicle)
เป็นเนื้อเยื่อทรงกระบอก หุ้มรากผมอยู่ในชั้นผิวหนัง มีความยาว 3-4 มม. ฝังลึกลงไปในชั้นผิวหนัง และเชื่อมต่อกับต่อมน้ำมันที่เป็นส่วนหนึ่งของรูขุมขน
1.2 กระเปาะผม ( hair bulb )
อยู่ด้านล่างสุดของต่อมรากผม เป็นที่ที่เซลล์ผมถูกสร้างขึ้น กลายเป็นเส้นผมในเวลาต่อมา
1.3 ปุ่มผม ( hair dermal papilla)
อยู่ด้านล่างสุดของกระเปาะผม ใน 1 รากผม (hair root)จะมีปุ่มผม 1 อัน เป็นส่วนที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยง ปุ่มผมจะทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารจากเลือดมาให้กระเปาะผม ในการสร้างเส้นผมขึ้นมาคนที่หัวล้าน เกิดจากการที่ปุ่มผมตายหรือฝ่อ ทำให้ผมขาดสารอาหาร จนหลุดร่วงไปในที่สุด
1.4 ต่อมน้ำมัน (sebaceous gland)
ทำหน้าที่สร้างน้ำมันเพื่อรักษาความอ่อนนุ่มและเงางามของเส้นผม

2. เส้นผม ( hair shaft ) :
เป็นส่วนที่งอกยาวออกมาปกคลุมศีรษะ เป็นเซลล์โปรตีนส่วนที่ตายแล้ว ไม่มีชีวิต ไม่มีความรู้สึก มีโครงสร้างภายใน 3 ชั้น ดังนี้
2.1 ผิวนอก (cuticle) หรือเกล็ดผม
- อยู่ชั้นนอกสุด บางใส ไม่มีสี ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง
- เกิดจากเซลล์เคอราตินชนิดแข็งเรียงตัวกันเป็นชั้นๆ แบบเกล็ดปลา
- ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมจากสิ่งแปลกปลอมภายนอกไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น
- ผมของคนเราจะสวย ดูสุขภาพดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเกล็ดผม
2.2 เนื้อผมชั้นนอก ( cortex)
- เป็นแหล่งรวมของเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นตัวกำหนดสีผม
- เป็นชั้นที่มีช่องอากาศ และมีเคราตินและเส้นใยโปรตีนที่เกาะเกี่ยวกัน เป็นตัวกำหนดลักษณะเส้นผมว่าจะหยิกหรือตรง
- ช่วยทำให้เส้มผมมีความนิ่มและยืดหยุ่น
2.3 เนื้อผมชั้นใน (medulla) หรือแกนผม
- เป็นใจกลางของเส้นผม ลักษณะโครงสร้างเป็นรูกลวง
- ทำหน้าที่เป็นตัวที่เพิ่มความหนาของเส้นผม ไม่มีบทบาทใดใด
- พบเฉพาะในเส้มผมที่มีสภาพแข็งแรง คนที่มีเส้มผมเล็กมักไม่มีแกนผม

ความสำคัญของรากผม
รากผมเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากกับการสร้างเส้นผม หากรากผมไม่แข็งแรง เส้นผมที่สร้างเส้นจะเล็ก บาง ขาดร่วงได้ง่าย
เมื่อรากผมอ่อนแอ เส้นเลือดมาเลี้ยงที่ปุ่มผม ( hair papilla ) น้อยลง รากผมจะค่อยๆฝ่อตายและไม่สร้างผมอีกเลย ทำให้ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอย่างถาวร และไม่สามารถฟื้นฟูรากผมที่ตายแล้วให้กลับมาทำงานได้เหมือนเดิมอีก
สาเหตุที่ทำให้ ผมร่วง มากผิดปกติ
โดยทั่วไปเส้นผมของคนเราสามารถร่วงได้เป็นเรื่องปกติ แต่หากร่วงมากเกินไปก็อาจนำมาสู่ความผิดปกติ และต้องเริ่มหาวิธีรักษาผมร่วงให้ทันท่วงที
โดยปกติผมของคนเจะร่วงวันละ 50-100 เส้นต่อวัน ในผู้หญิงอาจร่วงได้ 100-150 เส้นต่อวัน แต่หากร่วงมากถึง 200 เส้นต่อวันถือว่าผิดปกติ ในขณะที่ผู้ชายอัตราร่วงของผมปกติจะอยู่ที่50-60 เส้นต่อวัน หากร่วงเกิน 100 เส้นต่อวันถือว่าผิดปกติ ซึ่งอาจมีสาเหตุทั้งปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกร่างกายได้ที่ทำให้ผมร่วง
1. ปัจจัยภายในร่างกาย
เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกายซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้การแก้ปัญหาค่อนข้างยุ่งยาก เช่น
- อายุ : โดยเฉพาะในเพศหญิง อายุที่มากขึ้นส่งผลจะทำให้มีฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้รากผมเสื่อมสภาพลงตามอายุขัย ผมจะบางลง รากผมขอคนเราสามารถมีชุดใหม่ได้ 20 ชุด แต่รากผมชุดหลังๆ จะมีระยะเจริญเติบโต ( anagen phase ) สั้นลง ทำให้เส้นผมเล็กบางและหลุดร่วงง่ายขึ้นเรื่อยๆ
- กรรมพันธุ์ : โดยเฉพาะในเพศชาย จะพบปัญหาศีรษะล้านตั้งแต่อายุน้อยซึ่งเกิดจากพันธุกรรม เรียกว่า androgenetic alopecia เกิดจากฮอร์โมนเพศชาย ที่มีชื่อว่า DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่บทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของผมและขนตามร่างกาย
แต่การมี DHT สูงเกินไป จะทำให้มันเข้าไปจับกับ androgenic recepter ที่รากผม ทำให้วงจรของเส้นผมเปลี่ยนแปลง คือมีระยะเจริญเติบโต anagen phase สั้นลง แต่มีระยะพัก telogen phase ยาวนานขึ้น ส่งผลให้รากผมและเส้นผมมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้ผมบาง และถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ รากผมจะฝ่อตายและไม่สร้างเส้นผมใหม่ขึ้นมาอีกเลย ส่งผลให้ศรีษะล้าน
คนที่มีพันธุกรรมศรีษะล้าน เนื่องจาก androgenic receptor ในรากผมทำงานได้ดีมากประกอบกับการมีฮอร์โมน DHT สูง จึงเป็นปัจจัยเสริมกันให้ผมร่วงมากจนศีรษะล้านได้
- ภาวะระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำหรือสูงกว่าปกติ จะทำให้มีการขับไขมันผ่านทางผิวหนังมากขึ้น ทำให้หนังศีรษะมัน รากผมจะอ่อนแอ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเจริญเติบโตของเส้นผม
- ภาวะฮอร์โมนอินซูลินสูงและภาวะโลหิตจาง ทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ทำให้สารอาหารและออกซิเจนที่จะไปเลี้ยงรากผมมีไม่เพียงพอ รากผมจะอ่อนแอ ส่งผลต่อวงจรชีวิตเส้นผม ผมจะร่วงมากขึ้น
- โรคบางอย่างส่งผลให้เกิดอาการผมร่วงได้ เช่น โรคติดเชื้อแบคที่เรีย เชื้อรา และไวรัสที่หนังศีรษะ,โรคซิฟิริส, โรคเอดส์ (HIV), โรคทางภูมิคุ้มกัน SLE เป็นต้น
2. ปัจจัยภายนอกร่างกาย
เกิดจากพฤติกรรมของคนเราที่ไปกระตุ้นให้เกิดปัญหาผมร่วงมากขึ้น ซึ่งอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว เช่น
- ผมโดนความร้อนมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผมหรือแสงแดด เพราะความร้อนจะทำให้ชั้นเคราตินของเส้นผมขาดความชุ่มชื้น เส้นผมจะแห้ง และความร้อนยังทำให้หนังศีรษะแห้ง ขาดความชุ่มชื้นด้วย ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วง
- ได้รับสารเคมีบ่อยเกินไปการดัด ย้อม ทำสีผมบ่อยเกินไป จะทำให้หนังศีรษะอ่อนแอ ส่งผลให้ผมร่วงตามมา หรือการรักษาโรคที่ต้องได้รับเคมีบำบัด ก็เป็นสาเหตุให้ผมร่วงได้
- การสระผมบ่อยเกินไปหรือสระผมด้วยน้ำร้อน การสระผมบ่อยๆ จะทำให้หนังศีรษะแห้งได้ ถ้าจำเป็นต้องสระทุกวันหรือบ่อยๆ ควรเลือกใช้แชมพที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ น้ำร้อนจะทำให้ผมแห้งและหลุดร่วงได้ง่ายกว่าน้ำอุณหภูมิปกติ
- การหวีผมแรงๆขณะที่ผมเปียก ในขณะที่ผมเปียก เส้นผมจะขาดหลุดร่วงง่ายกว่าเวลาผมแห้ง การหวีผมแรงๆหรือใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมแรงๆ จะส่งผลให้เส้นผมที่บอบบางอยุ่หลุดร่วงได้ง่าย
- การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมและช่วยบำรุงรากผมได้แก่ ไบโอติน โปรตีน สังกะสี วิตามินซี วิตามินอี และธาตุเหล็ก ซึ่งมีอยู่ในไข่แดง ผักใบเขียว
เครื่องมือที่ใช้วัดจำนวนเส้นผมที่ร่วง
ภาพด้านล่างนี้คือเครื่องมือที่ใช้ในการประมาณระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงต่อวันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล


วิธีแก้ไขปัญหา ผมร่วง
1. การหวีผมที่ถูกต้อง
การหวีผมที่ถูกต้อง ช่วยลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผมได้ ควรหวีผมเบาๆ ไม่ดึงรั้งหรือกระตุกเส้นผมแรงๆ โดยเฉพาะในขณะที่ผมเปียก ประโยชน์ของการหวีผมที่ถูกวิธีคือ
- ช่วยให้เส้นผมเงางาม เพราะการหวีผมจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันที่อยู่ในรากผมผลิตน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผมและช่วยบำรุงหนังศีรษะไม่ให้แห้ง
- ช่วยนวดกระตุ้นหนังศีรษะ ทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือด ทำให้มีสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงรากผม ช่วยให้ส้นผมมีการเจริญเติบโต
2. การนวดหนังศีรษะ
การนวดหนังศีรษะช่วยเพิ่มความหนาของเส้นผมได้ แนะนำให้นวดหนังศีรษะ 4 นาที่ต่อวัน เพราะการนวดจะช่วยขยายเส้นเลือด ช่วยทำให้มีการไหลเวียนของเลือดไปยังรูขุมขน
3. สระผมด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
แนะนำวิธีสระผมที่ถูกต้อง และช่วยให้สุขภาพผมดี ดังนี้
- หวีผมก่อนสระผม ช่วยลดการพันกันของเส้นผมระหว่างสระผมได้ ช่วยลดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่เกาะเส้นผม
- ไม่ควรเกาหนังศีรษะแรงๆ เพราะเป็นการทำลายโคนผม
- ไม่ควรสระผมด้วยน้ำร้อน เพราะน้ำร้อนทำให้ผมแห้งเสียและชี้ฟู
- เลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพเส้นผม และควรเป็นสูตรอ่อนโยน และล้างผมให้สะอาด เพราะถ้าแชมพูหรือครีมนวดตกค้าง อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบและผมร่วงตามมา
- หลังสระผมเสร็จใหม่ๆ ให้ใช้ผ้าขนหนูบีบซับน้ำออกจากผมอย่างเบามือ และเป่าผมด้วยลมเย็นให้แห้งดีก่อนจึงค่อยหวีผมเบาๆ จะช่วยลดจำนวนผมที่จะร่วงได้มาก
4. ทานอาหารที่มีประโยชน์ บำรุงเส้นผม
แร่ธาตุและวิตามินต่างๆจะช่วยบำรุงรากผม ทำให้เส้นผมแข็งแรงและช่วยส่งเสริมการสร้างเม็ดสีด้วย ทำให้เส้นผมไม่หงอกก่อนวัย ได้แก่
- ธาตุเหล็ก สังกะสี จะช่วยให้เส้นผมใหญ่และหนาขึ้น แหล่งอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กและสังกะสี เช่น ไข่แดง ผักใบเขียว เนื้อสัตว์
- ไบโอตินหรือวิตามินบี 7 ช่วยลดปัญหาผมร่วงได้ แหล่งอาหารที่มีไบโอติน เช่น ไข่แดง ถั่วเหลือง
- วิตามินเอ วิตามินอีและซี ช่วยทำให้รากผมแข็งแรง ช่วยกระตุ้นต่อมไขมันในรูขุมขนให้ผลิตน้ำมันเคลือบหนังศีรษะ แหล่งอาหารเช่น นม ผักและผลไม้สีส้ม เช่น แครอท
5. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีและความร้อนกับหนังศีรษะ
การดัดผม ยืดผม ทำสีผม และการเป่าผมด้วยความร้อน จะเป็นตัวทำลายรากผม ทำให้ผมร่วงมากขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงและไม่ทำบ่อยๆ
6. ไม่รัดหรือมัดผมแน่นเกินไป
การมัดผมหรือรวบผมตึงเกินไป จะทำให้สารอาหารลำเลียงไม่ถึงรากผมและปลายผมได้อย่างเพียงพอ เป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงได้
7. หมั่นสังเกตดูแลสุขภาพเส้นผมและสุขภาพจิตใจอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าพบปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น รังแค คันหนังศีรษะ ผมแห้ง ผมร่วง ควรรีบหาสาเหตุและรีบหาวิธีแก้ไขโดยเร็ว และควรดูแลสุขภาพจิตใจ ไม่ให้เครียด เพราะความเครียดจะกระตุ้นให้ผมร่วงได้
8. ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ
หากปัญหาผมร่วงรุนแรงมาก ควรรีบปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อหาสาเหตุของปัญหาอย่างถูกต้อง และรีบแก้ไข ซึ่งการรักษาอาจจำเป็นต้องใช้ยา และ วิธีทางการแพทย์อื่นๆ เช่น การใช้เลเซอร์ การทำเซลล์บำบัด การฉีดเกล็ดเลือด การปลูกผม
สนใจศึกษารายละเอียดวิธีการปลูกผม คลิ๊กที่นี่


ยารักษา ผมร่วง
ยารักษาผมร่วงจะช่วยให้บริเวณที่ผมบางหรือผมเส้นเล็ก ค่อยๆกลับมาหนาขึ้น ในประเทศไทยยาที่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ มี 2 ชนิด ดังนี้
1. ยาฟินาสเตอไรด์ ( finasteride )
เป็นรูปแบบยารับประทาน ขนาด 1 มก. วิธีรับประทาน 1 เม็ด หลังอาหาร วันละ 1 ครั้ง ใช้รักษาปัญหาผมร่วงในเพศชายเท่านั้น ใช้เพื่อรักษาภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย สามารถลดปริมาณฮอร์โมน DHT ได้ และยังช่วยกระตุ้นให้รากผมสร้างผมได้ดีขึ้น ผมที่งอกใหม่จะมีเส้นหนาขึ้น โดยระยะเวลาที่ต้องใช้ยาประมาณ 45-90 วัน จึงจะเริ่มเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน
2. ยาไมนอกซิดิล ( minoxidil )
เป็นรูปแบบยาน้ำทาภายนอก ซึ่งจะมีความเข้มข้นที่ 2-5% ใช้ทาบริเวณที่มีผมบาง วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ใช้รักษาปัญหาผมร่วงได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย โดยระยะเวลาที่ต้องใช้ยาประมาณ 90-180 วัน จึงจะเริ่มเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน
การออกฤทธิ์ของยาคือช่วยขยายหลอดเลือดที่มาเลี้ยงรากผม ทำให้มีการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงรากผมดีขึ้น ส่งผลให้รากผมสุขภาพดี ช่วยให้มีการเจริญเติบโตของเส้นผมดีขึ้นตามมา
สรุป
รากผมเป็นส่วนสำคัญมากต่อการสร้างเส้นผม และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหา ผมร่วง ได้มากที่สุด เพราะหากรากผมไม่แข็งแรงจะส่งผลต่อวงจรชีวิตของเส้นผม ดังนั้นควรหมั่นสังเกตสุขภาพหนังศีรษะอยู่เสมอ หากพบว่ามีความผิดปกติ เช่น คันหนังศีรษะ มีรังแค ผมแห้ง ผมมัน และผมร่วงมากผิดปกติ ควรรีบหาสาเหตุและแก้ไขโดยเร็ว อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรังนานๆ เพราะจะแก้ไขยาก
เอกสารอ้างอิง
- รองศาสตราจารย์ ดร.พญ. จิตรลดา มีพันแสง, ผมร่วงเยอะมากเกิดจากอะไร, สาขาตจวิทยา โรงพยาบาลสมิติเวช.
- พญ.อาภาศรี สุขสำราญ, ภาวะผมร่วง: สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจรักษา, โรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต
- ABSOLUTE HAIR CLINIC, รู้ทันความสำคัญของรากผม ช่วยยับยั้งปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน.
- นพ. จิรายุ เจตชยานนท์, วงจรเส้นผม, BANGKOK HAIR CLINIC.
- EUCERIN, ผมร่วงเยอะมาก เกิดจากสาเหตุอะไร วิธีแก้ไข.
- ABSOLUTE HAIR CLINIC, 10 สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงหัวล้าน



การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)
การบริบาลทางเภสัชกรรม หมายถึง ความรับผิดชอบของเภสัชกรโดยตรงที่มีต่อการใช้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ถูกต้องตามที่ต้องการและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผลการรักษาที่ถูกต้องคือ
โดยเภสัชกรจะปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลากรทางการแพทย์ทางสาธาณสุขอื่นๆ เรียกว่า ทีมสหสาขาวิชาชีพและมีหน้าที่หลักในการค้นหา แก้ไข และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ตลอดจนติดตามประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยา เพื่อให้เกิดระบบยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด
สินค้าแนะนำ
สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกเด็กเล็ก
แผนที่ที่ตั้งร้าน
ร้านยาของเรา
วิวร้านกลางวัน
วิวภายในร้าน
วิวภายในร้าน
วิวภายในร้าน
เภสัชกรเหลียน
พนักงานผู้ช่วยนูรีดา
พันธมิตรของเรา
บริษัทยาที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนเรา