การศึกษารหัสพันธุกรรมพบว่าเชื้อCovid-19 คล้ายคลึงกับเชื้อไวรัสโคโรนาในค้างคาวที่เคยพบในประเทศจีน จึงจัดให้เชื้ออยู่ในจีนัส Betacoronavirus เป็นไวรัสที่สามารถแพร่กระจายเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจสายพันธุ์ใหม่ลำดับที่ 7 ที่ก่อโรคในคน ก่อนหน้านี้มีการค้นพบไวรัสโคโรนามาแล้ว 6 สายพันธุ์
อ่านเพิ่มเติมคลิ๊ก : กำเนิดไวรัสCovid-19
ปัจจุบันทราบแน่ชัดว่าต้นตอมาจากเชื้อไวรัสโคโรนาในค้างคาวและเกิดการกลายพันธุ์ทำให้ได้เชื้อ SARS-CoV-2 เพียงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าการกลายพันธุ์และการแพร่กระจายเชื้อเกิดในสัตว์ตัวกลางอื่นก่อนมาสู่คนหรือไม่ แต่ในปัจจุบันพบว่าเชื้อมีการกลายพันธุ์ทำให้สามารถแพร่กระจายเชื้อจากคนสู่คนได้ทางละอองฝอยน้ำลายจากการไอ จาม หรือพูดคุยกับผู้ติดเชื้อ
สารบัญ
- Covid-19 คืออะไร
- เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 มีต้นตอมาจากที่ใด
- การแพร่ระบาดและวิธีการติดต่อของเชื้อไวรัส 2019-nCoV
- อาการและการป้องกันการติดเชื้อCOVID-19
- สรุป
Covid-19 คืออะไร
เป็นเชื้อไวรัสที่มีรูปร่างกลม มีเปลือกหุ้มด้านนอกที่ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันที่เรียกว่า spikes เมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะมีลักษณะคล้ายมงกุฎ ซึ่งเป็นที่มาของการตั้งชื่อว่า corona หรือ crown ที่แปลว่ามงกุฎ
ไวรัสชนิดนี้มี 2 สายพันธุ์คือ S-type และ L-typนักวิทยาศาสตร์พบว่า S-type เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ส่วน L-typeเกิดจากการกลายพันธุ์ของ S-type ซึ่งพบได้มากกว่าถึง 70%
องค์การอนามัยโลก ประกาศชื่อที่เป็นทางการของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า COVID-19 ย่อมาจาก CO แทน corona, VI แทน virus, D แทน disease และ 19 แทน 2019 ชื่อเป็นทางการคือ SARS-CoV-2 (ไวรัสโคโรนาทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงชนิดที่สอง) เพราะว่ามันมีรหัสพันธุกรรมเกี่ยวข้องคล้ายคลึงกับไวรัสโรคซาร์สถึง 79%
เชื้อไวรัส SARS-CoV-2มีต้นตอมาจากที่ใด
ก่อนหน้านี้มีการสัณนิษฐานว่าไวรัสชนิดนี้อาจเริ่มติดต่อจากสัตว์ป่าสู่คน โดยมีต้นตอการแพร่ระบาดจากงูเห่าจีนและงูสามเหลี่ยมจีนที่นำมาวางขายในตลาดสดขายส่งอาหารทะเลเมืองอู๋ฮั่น ซึ่งเป็นสถานที่พบผู้ติดชื้อกลุ่มแรกๆ
ทีมนักวิทยาศาสตร์ในประเทศจีน ค้นพบว่าดีเอ็นเอของ COVID-19 มีความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมกับไวรัสโรคทางเดินหายใจที่มาจากค้างคาวมากที่สุด และมันมีการกลายพันธุ์ขณะที่อยู่ในตัวค้างคาว ก่อนที่จะติดต่อสู่สัตว์ชนิดอื่นและคน โดยการกลายพันธุ์นี้เกิดขึ้นที่ส่วนของเปลือกหุ้มด้านนอกที่เรียกว่า Spikeและค้นพบว่ามีความคล้ายคลึงกับหนามของไวรัสทางเดินหายใจที่พบในงูเห่าจีนและงูสามเหลี่ยมจีนมากที่สุด
ทีมผู้วิจัยสันนิษฐานว่า งูอาจเป็นสัตว์ตัวกลางที่ส่งต่อเชื้อมาจากค้างคาวมาสู่คน เนื่องจากงูพิษในธรรมชาติล่าค้างคาวในถ้ำเป็นอาหาร แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่ามันปรับตัวให้อาศัยอยู่ในร่างกายสัตว์เลือดเย็นอย่างงูและสัตว์เลืออุ่นอย่างค้างคาวได้อย่างไร โดยค้างคาวที่ถูกระบุว่าเป็นแหล่งของเชื้อคือ ค้างคาวเกือกม้าเล็ก ( Lesser Horseshoe Bat)
มีนักวิทยาสตร์กลุ่มหนึ่งสันนิษฐานว่าตัวนิ่มซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและเป็นสัตว์เลือดอุ่นเหมือนค้างคาวอาจป็นพาหะนำเชื้อ COVID-19 จากค้างคาวมาสู่คนเพราะมีการศึกษารหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดนี้ในต้วนิ่มพบว่าคล้ายคลึงกับ SARS-CoV-2 ถึง 99% ชาวจีนมีความเชื่อว่าเกล็ดของตัวนิ่มมีสรรพคุณทางยาตามตำรายาแผนโบราณและมีการซื้อขายกันในตลาดค้าสัตว์ป่าเมืองอู๋ฮั่น โดยตั้งข้อสังเกตว่าตัวนิ่มเป็นสัตว์ใช้ลิ้นตวัดกินมดและแมลงตามพื้นดินนั้นอาจได้รับเชื้อจากการสูดหายใจมูลค้างคาวที่ตกอยู่ตามพื้นดินเข้าไป
อย่างไรก็ตามตลาดสดขายส่งอาหารทะเลของเมืองอู่ฮั๋นยังมีการจำหน่ายสัตว์ปีกรวมถึงค้างคาวด้วย สัตว์เหล่านี้แม้ไม่ได้ป่วยแต่อาจเป็นแหล่งรังโรคได้ ในขั้นตอนการซื้อขายจะมีการเชือดคอสัตว์ให้ตายต่อหน้าลูกค้าซึ่งขณะนั้นสัตว์จะร้องและถ่ายมูลอุจจาระออกมา ซึ่งเชื้ออาจแพร่กระจายเป็นละอองฝอยออกมาเข้าสู่หลอดลมและปอดของคนในตลาดได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการพบว่ามีค้างคาวจำนวนมากอาศัยอยู่ใต้หลังคาบ้านในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมันอาจเป็นแหล่งรังโรคและมันอาจปล่อยมูลและสารคัดหลั่งทางลมหายใจออกมาในอากาศ จนทำให้ผู้คนจำนวนมากสูดดมอากาศที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ป่วยเป็นจำนวนมากมาจากพื้นที่แห่งนี้
ยังมีสมมติฐานที่อ้างอิงว่าเชื้อโรคนี้น่าจะมีมาก่อนแล้วในเมืองอื่นของประเทศจีนแล้วมาแพร่เชื้อในตลาดสดเมืองอู่ฮั่น แต่จากหลักฐานเชิงระบาดวิทยาพบว่าการแพร่ระบาดจากคนสู่คนโดยการสัมผัสยังเป็นไปได้น้อยมาก
จากข้อมูลการระบาดในกลุ่มชนจำนวนมากและป่วยเป็นโรคปอดอักเสบพร้อมๆกันในเมืองอู่ฮั๋น แสดงว่าวิธีการแพร่เชื้อCovid-19น่าจะเป็นวิธีผ่านทางการสูดดมละอองฝอยไวรัสในอากาศมากกว่าการติดเชื้อจากการสัมผัสซึ่งแพร่ได้ช้ากว่ามาก ดังนั้นสมมติฐานเรื่องการกินค้างคาง งู หรือตัวนิ่มแล้วทำให้มีการติดเชื้อน่าจะเป็นไปได้น้อยมาก เพราะจริงๆแล้วเชื้อไวรัสอาจจะตายไปแล้วขณะปรุงอาหารด้วยความร้อน
การแพร่ระบาดและวิธีการติดต่อของเชื้อไวรัส 2019-nCoV
COVID-19 เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทำให้โอกาสในการแพร่กระจายการติดเชื้อได้ในคนทุกเพศทุกวัยเท่ากัน แต่ความรุนแรงของอาการป่วยในแต่ละคนไม่เท่ากัน โดยพบว่า การก่อโรคจะรุนแรงในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ในขณะที่ในคนหนุ่มสาว เด็ก อาการของโรคมีความรุนแรงน้อยกว่า พบว่าในเพศชายมักมีอาการรุนแรงของโรคมากกว่าเพศหญิง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเพศชายมีภูมิกันตัวเองน้อยกว่าเพราะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพมากกว่าเพศหญิง
โรคนี้สามารถติดต่อได้โดยการแพร่กระจายเชื้อทางละอองฝอยของสารคัดหลั่งน้ำลายทางปากจากการไอ จามของคนป่วย ส่วนการแพร่เชื้อโดยการสัมผัสเช่น การจับมือกันหรือการสัมผัสพื้นผิวสัมผัสที่ผู้ป่วยสัมผัสไว้แล้วมาสัมผัสบริเวณหน้าทำให้เชื้อเข้าสู่ทางปาก จมูก ตา เป็นไปได้น้อยมาก
อาการและการป้องกันการติดเชื้อ Covid-19
อาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 คือ มีไข้สูง ไอ เจ็บคอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย อาจมีอาการอื่นๆ เช่น ตาแดง คัดจมูก ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ระยะฟักตัวของเชื้ออยู่ระหว่าง 1-14 วัน ระยะเวลาที่ป่วยและต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ที่ 12.80 วัน อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 2.0-10.0%
คำแนะนำการป้องกันการติดเชื้อสำหรับประชาชนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดคือ
- ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่จำเป็นต้องอยู่ในที่สาธารณะ ชุมชนแออัด โดยสามารถใช้แบบผ้าหรือฟองน้ำได้ แต่ถ้าต้องเข้าไปในสถานที่เสี่ยงมากขึ้นเช่น สถานพยาบาล ควรใช้ หน้ากากทางการแพทย์ (SURGICAL MASK : แมสกระดาษ 3ชั้นที่กรองอนุภาคขนาด 3 ไมครอนได้)
- หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอลล์
- รับประทานอาหารปรุงสุก ร้อน ใช้ช้อนกลาง
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในประเทศหรือสถานที่มีการระบาดรุนแรง รวมถึงการหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วยที่ไม่ป้องกันตัวเอง ระยะห่างที่ปลอดภัยต่อการติดเชื้อคือ 5-2.0 เมตร
- หากพบว่าตัวเองป่วยหรือเริ่มมีอาการป่วยควรงดการเดินทางเข้าไปในที่สาธารณะ ควรไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านและใส่ หน้ากากทางการแพทย์ (surgical mask ) ตลอดเวลา เฝ้าสังเกตอาการ หากมีอาการรุนแรงขึ้นให้รีบพบแพทย์ทันที
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊ก : แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสCovid-19
สรุป
จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปแน่ชัดถึงแหล่งต้นกำเนิดของCovid-19 ถึงแม้ว่าจะพบการระบาดครั้งแรกในเมืองอู๋ฮั่นของจีนก็ตาม การแพร่ระบาดของมันรุนแรงและรวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น 2-3 เท่าแต่มีความรุนแรงของโรคน้อยกว่าและมีอัตราการตายต่ำกว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่นๆที่พบก่อนหน้านี้ การป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุดคือการรักษาระยะห่างทางสังคมในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงของไวรัสชนิดนี้
การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)
การบริบาลทางเภสัชกรรม หมายถึง ความรับผิดชอบของเภสัชกรโดยตรงที่มีต่อการใช้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ถูกต้องตามที่ต้องการและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผลการรักษาที่ถูกต้องคือ
โดยเภสัชกรจะปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลากรทางการแพทย์ทางสาธาณสุขอื่นๆ เรียกว่า ทีมสหสาขาวิชาชีพและมีหน้าที่หลักในการค้นหา แก้ไข และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ตลอดจนติดตามประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยา เพื่อให้เกิดระบบยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด
สินค้าแนะนำ
fixomull
สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกเด็กเล็ก
INNAQUA
เซรั่มแก้ผมร่วงฮีรูดอยด์
แผนที่ที่ตั้งร้าน
ร้านยาของเรา
วิวร้านกลางวัน
วิวภายในร้าน
วิวภายในร้าน
วิวภายในร้าน
เภสัชกรเหลียน
พนักงานผู้ช่วยนูรีดา
พันธมิตรของเรา
บริษัทยาที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนเรา