โรคข้อเข่าเสื่อม : อาการ สาเหตุ และวิธีการดูแล

โรคข้อเข่าเสื่อม

ในปัจจุบันคนเรามีอายุยืนยาวมากขึ้น ทำให้พบผู้ป่วย โรคข้อเข่าเสื่อม ( knee osteoarthritis )  เพิ่มจำนวนมากขึ้น  เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไปจะพบได้มากกว่าวัยอื่นๆ  และเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของอาการปวดเข่าที่พบได้บ่อยที่สุดทั่วโลก แต่อาจพบโรคนี้ได้ในคนอายุน้อย ที่น้ำหนักตัวมากหรือน้ำหนักตัวเกิน และ คนที่มีการใช้งานข้อเข่าอย่างหนักเกินและใช้แบบผิดวิธี

โรคข้อเข่าเสื่อม คือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมและสึกหรอของกระดูกอ่อนผิวข้อ ( articular cartilage)  โดยมีการเสื่อมสึกหรออย่างช้าๆต่อเนื่องตามกาลเวลาที่ผ่านไป ทั้งทางด้านรูปร่าง และโครงสร้าง รวมถึง กระดูกบริเวณใกล้เคียง เช่น ขอบกระดูกมีการหนาตัวขึ้น และอาจมีกระดูกงอก มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำไขข้อ ทำให้คุณสมบัติการหล่อลื่นลดลง  ผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อเข่า ข้อเข่าฝืด เคลื่อนไหวข้อได้ลดลง และเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ จนไม่มีผิวกระดูกอ่อน เนื้อกระดูกจะมีการชนกันเวลารับน้ำหนัก จะมีผลทำให้ข้อผิดรูปและพิการในที่สุด

โรคข้อเข่าเสื่อม

กระดูกอ่อนผิวข้อมีความสำคัญอย่างไร

โครงสร้างกระดูกข้อเข่าประกอบด้วยกระดูก 3 ส่วน คือ กระดูกต้นขา ( femur) และ กระดูกหน้าแข้ง ( tibia) และ กระดูกลูกสะบ้า ที่ผิวกระดูกต้นขาจะปกคลุมด้วย กระดูกอ่อนผิวข้อ ( articular cartilage)  ซึ่งมีลักษณะเป็นผิวเรียบมัน ทำหน้าที่ลดแรงเสียดทาน เพิ่มการเคลื่อนไหวให้กับข้อเข่า กระดูกอ่อนผิวข้อ ประกอบด้วย น้ำ 80 %  คอลลาเจนที่มีสารประกอบโปรตีนชื่อว่า “โปรติโอไกลแคน” ( proteoglycan) ร่วมกับโปรตีนชนิดอื่น ๆ เล็กน้อย  บริเวณกระดูกอ่อนผิวข้อจะไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงโดยตรง  แต่จะได้รับสารอาหารผ่านทางน้ำหล่อเลี้ยงข้อ   

โครงสร้างกระดูกเข่า

โรคข้อเข่าเสื่อม เกิดขึ้นได้อย่างไร

เกิดจากเนื้อกระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย ทำให้คอลลาเจนโปรติโอไกลแคน ( proteoglycan) และ ผิวของกระดูกอ่อนหลุดออกมาในน้ำไขข้อ เกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้หลั่งสารกระตุ้นการอักเสบต่างๆ เช่น อินเตอร์ลูคิน ( IL-1) ,ไนตริกออกไซด์ (nitric oxide , NO) , ทูเมอร์ นีโครซิส แฟคเตอร์ ( tumor necrosis factor) ทำให้เกิดภาวะปวด บวม แดง ร้อน ได้ 

ระยะต่อมาเมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายจะตอบสนองการอักเสบโดยการซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลาย  โดยเยื่อหุ้มข้อจะหนาตัวขึ้น กระดูกอ่อนจะเริ่มสึกกร่อน ขรุขระ ผิวกระดูกหน้าแข้งจะเริ่มหนาตัวขึ้น และมีกระดูกงอกผิดปกติ ( osteophyte formation) ซึ่งมีผลต่อการเคลื่อนไหว  และมีผลทำให้มีอาการปวด จากการที่กระดูกงอกไปกระตุ้น เสียดสีเส้นเอ็นรอบข้อเข่าในขณะที่เคลื่อนไหว  ข้อเข่าจะติดและมีเสียงกร๊อบแกร็บ ( crepitus)

ระยะสุดท้าย ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข  จะเกิดการสลายของเซลล์ผิวกระดูกอ่อน  สูญเสียโปรตีนและของเหลวในข้อเข่า (synovial fluid)  ทำให้เกิดการโก่งผิดรูปของข้อเข่า ข้อเข่าจะไม่สามารถเคลื่อนไหว งอเหยียดเข่าได้เหมือนปกติ

สาเหตุที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมมากที่สุด คือ อายุที่มากขึ้นและการใช้งานข้อเข่าผิดวิธี  เช่น ขึ้นลงบันไดบ่อยๆ  นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ  นอกจากนี้ปัญหาข้อเข่าเสื่อมในคนอายุน้อย มักเกิดจาก อุบัติเหตุรุนแรง  โรคข้ออักเสบบางอย่าง เช่น โรคเกาท์ โรครูมาตอยด์ การติดเชื้อโรคในข้อ เป็นต้น

ลักษณะอาการสัญญาณเตือน โรคข้อเข่าเสื่อม

อาการโรคข้อเข่าเสื่อมจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ สามารถสังเกตได้ เช่น

  1. ปวดหัวเข่า เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด จะปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหว และ หายปวดเมื่อหยุดพัก อาการจะเป็นๆหายๆ

2. เข่ามีเสียงกรอบแกรบ ( crepitus) เมื่อเคลื่อนไหวข้อเข่า จะได้ยินเสียงกรอบแกรบ

3. ข้อเข่าติด ฝืด ตึง แข็ง ( stiffness) อาการฝืดจะเกิดขึ้นชั่วคราว ไม่เกิน 30 นาที ในช่วงแรกของการเคลื่อนไหวหลังจากพักเป็นเวลานาน มักเป็นตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือ ในช่วงเวลาที่อยู่ท่าใดท่าหนึ่งนานๆ ต่อเนื่องโดยไม่ขยับ เรียกว่า ปรากฎการณ์ข้อหนืด ( gelling phenomenon )

4. เสียวหัวเข่า จะมีอาการช่วงเวลาเคลื่อนไหว หรือ เดิน

5. ข้อเข่าบวม ร้อน กดเจ็บ เกิดจากการอักเสบทำให้บวมน้ำในข้อ และ บวมจากกระดูกงอกที่ขอบข้อเข่า  เมื่อใช้มือสัมผัสและกดบริเวณที่บวม จะรู้สึกอุ่นและเจ็บ

6. ข้อเข่าโก่งงอ ผิดรูป  ต้นขาลีบ ระยะสุดท้ายของโรค จะเห็นความผิดปกติข้อเข่า บิดเบี้ยวอย่างชัดเจน

โรคข้อเข่าเสื่อม

จากอาการดังกล่าว เราจะแบ่งอาการโรคข้อเข่าเสื่อมออกเป็น 4 ระยะ

ระยะที่ 1     ผู้ป่วยยังทำงานและทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ แต่เริ่มมีอาการปวดเข่าบ้าง

ระยะที่ 2     ผู้ป่วยจะเริ่มทำงานหนักไม่ได้ มีอาการปวดเข่ามากขึ้น

ระยะที่ 3     ผู้ป่วยจะเริ่มทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้หรือได้น้อยลง

ระยะที่ 4     ผู้ป่วยจะเริ่มเคลื่อนไหวลำบาก เดินไม่ไหว

ในช่วงเริ่มมีอาการระยะที่ 1 คนไข้สามารถดูแลตัวเองได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ใช้ข้อเข่าแบบผิดวิธี   ถ้าน้ำหนักเกินต้องเริ่มลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทำกายภาพบำบัด ร่วมกับการใช้ยาแก้ปวดเมื่อจำเป็น

ช่วงระยะที่ 2-4 ควรพบแพทย์ เพื่อวางแผนทำการรักษา ป้องกันไม่ให้ข้อถูกทำลายมากขึ้น ลดโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมรุนแรง

แนวทางและเป้าหมายการรักษา โรคข้อเข่าเสื่อม

  • ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับตัวโรค แนวทางปฏิบัติตัวในการดูแลตัวเอง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะข้ออักเสบ เช่น การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การออกกำลังกายหรือกายภาพบำบัดที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเข่าให้ถูกวิธี เป็นต้น
  • บรรเทาอาการปวด โดยการใช้ยากินและยาทา
  • ชะลอการดำเนินของโรค โดยการทานยาร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย เช่น ติดเชื้อ ภาวะกระดูกผิดรูป เป็นต้น
  • แก้ไข คงสภาพ และฟื้นฟูสภาพการทำงานของข้อให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด  โดยการทำกายภาพบำบัด และอาจต้องมีการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า โดยใช้ข้อเข่าเทียมแทนในผู้ป่วยบางรายด้วยถ้าจำเป็น
ข้อเข่าเทียม

ยาที่ใช้รักษา โรคข้อเข่าเสื่อม

การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม มีการใช้ทั้ง ยากิน ยาทาภายนอก และ ยาฉีดเข้าข้อ ( Intra-articular injection )   ซึ่งการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการข้อเข่าเสื่อม  ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์และขอคำแนะนำการใช้ยาจากเภสัชกรก่อนเลือกใช้ยา เพราะผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยาในระยะยาว เภสัชกรจะช่วยให้การใช้ยามีความเหมาะสมและปลอดภัยคะ

1. Paracetamol :

เป็นยาแก้ปวดที่นิยมใช้เป็นตัวแรก เพราะราคาไม่แพง มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง

2. NSAIDs : (non-stearoid anti-inflammatory drugs )

 เป็นยาแก้ปวด ลดการอักเสบ เมื่อใช้ยาพาราเซตามอลไม่ได้ผล  การใช้ยากลุ่มนี้ คนไข้ควรขอคำแนะนำการเลือกใช้ยาจากเภสัชกรก่อนเสมอ เพื่อให้มีการใช้ยาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ระบบหลอดเลือด หัวใจ และต่อมไร้ท่อ เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจ เบาหวาน รวมถึง คนไข้ที่มีโรคหอบหืด ยาในกลุ่มนี้แบ่งย่อยออกได้เป็น 2 ชนิด

  • ชนิดที่ 1 Traditional NSAIDs เช่น ibuprofen, naproxen เป็นกลุ่มยาที่มีผลข้างเคียงเรื่อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวกรดไหลย้อนหรือกระเพาะอาหารอักเสบ และเนื่องกลไกการออกฤทธิ์ของยาจะมีสารที่ทำให้ไปมีผลให้หลอดลมตีบ จึงไม่เหาะที่จะใช้ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหอบหืด
  • ชนิดที่ 2 Specific COX-2 inhibitors; Coxibs เช่น celecoxib และ etoricoxibs   ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ไม่มีผลข้างเคียงเรื่องระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร และกลไกการออกฤทธฺ์ของยาไม่ก่อให้เกิดสารที่ไปกระตุ้นให้หลอดลมตีบเหมือนชนิดแรก ยากลุ่มนี้จึงเหมาะสมกับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมที่มีโรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ และ โรคหอบหืด

3. Opioid analgesics :

 เป็นยาแก้ปวดอีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถใช้ในเป็นทางเลือกกรณีคนไข้มีข้อจำกัดหรือไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา 2 กลุ่ม แรก ตลอดจนใช้เสริมการรักษาในกรณีที่ใช้ยา 2 กลุ่มแรกแล้วให้ผลการรักษาไม่เพียงพอ ตัวยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Tramadol ผลข้างเคียงของยาที่พบได้  เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มึนงงศีรษะ

4. Symptomatic slow-acting drug of OA (SYSADOA):

เป็นกลุ่มยาชะลอการเสื่อมของข้อเข่า , ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเข่า และช่วยบรรเทาอาการปวดได้บ้าง เป็นยาที่มีผลต่อโครงสร้างผิวกระดูกอ่อน ยาในกลุ่มนี้ต้องทานติดต่อกันเป็นประจำต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน จึงจะเห็นผล ไม่เหมือนกับยา 3 กลุ่มแรกที่ใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการปวด อักเสบ เท่านั้น ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ glucosamine, chondroitin, diacerein การใช้ยาในกลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาคะ เพราะผู้ป่วยต้องใช้ยาติดต่อกันต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน 3-6 เดือนขึ้นไป

  • กลูโคซามีน (Glucosamine) : เป็นอนุพันธ์สังเคราะห์จาก chitin ซึ่งได้มาจากเปลือกแข็งสัตว์ทะเล เช่น ปู กุ้ง  มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างน้ำไขข้อ เพราะ glucosamine เป็นสารตั้งต้นของ proteoglycan และ glycoprotein ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของน้ำไขข้อ  นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำให้เกิดการทำลายข้อและยับยั้งการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบของข้อด้วย
  • ไดอะเซอรีน (Diacerein) : เป็นยาที่ได้จากพืชธรรมชาติ ที่มีโครงสร้างทางเคมีจำพวกแอนทราควิโนน ( anthraquinone derivative)  ดังนั้นจึงมีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้สารจำพวกนี้   ยามีผลข้างเคียงเรื่อง ถ่ายเหลว และ อาจทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น
  • คอนดรอยติน (Chondroitin) : เป็นยาที่ได้จากการสกัดกระดูกอ่อนของปลา นก วัวและหมู ช่วยทำให้ข้อเข่าทนต่อแรงกดได้เพิ่มขึ้น  โดยธรรมชาติ คอนดรอยติน เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อผิวกระดูกอ่อน  เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายคนเราจะผลิตสารตัวนี้ได้น้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำห้เข่าเสื่อม

5. กลุ่มยาทาเฉพาะที่

ได้แก่ ยาทาที่มีตัวยา NSAIDs, เจลพริก (capsisin gel ) เป็นต้น สามารถใช้เสริมการรักษาควบคู่กับยากินได้ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีขึ้น

6. กลุ่มยาฉีดเข้าข้อ

ยาฉีดสเตียรอยด์เข้าข้อ( intraarticular steroids ) และ ยาฉีดน้ำไขข้อเทียม ( intraarticular hyaluronic acid injection ) เป็นกลุ่มยาที่แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการใช้ที่เหมาะสมในคนไข้แต่ละราย

สรุป

โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ  แต่ในผู้ที่อายุน้อยก็เป็นได้เช่นกัน หากมีการใช้ข้อเข่าผิดวิธี หรือเคยได้รับอุบัติเหตุบาดเจ็บบริเวณเข่า  นอกจากนี้ภาวะโรคบางชนิด เช่น เกาต์ รูมาตอยด์  ก็เป็นสาเหตุให้เข่าเสื่อมได้เช่นกัน ในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลหลากหลายวิธี  แนะนำว่าควรดูแลรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมตั้งแต่เริ่มเป็นเล็กน้อย จะช่วยชะลอความรุนแรง ลดความเจ็บปวด หลีกเลี่ยงการผ่าตัด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

เอกสารอ้างอิง

  1. แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยและรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม , สำนักงานพัฒนาวิชาการแพทย์,กรมการแพทย์, กระทรวงสาธารณสุข
  2. แนวทางเวชปฏิบัติการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม, สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย
  3. รู้จักโรคข้อเข่าเสื่อม อาการ สาเหตุ พร้อมแนวทางการรักษาอย่างถูกวิธี, โรงพยาบาลพญาไท
  4. น.พ. ไพสิทธิ์ วรปาณิ, ยากลูโคซามีน ,หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่องผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
  5. นันทพงษ์ บุญฤทธิ์, The latest algorithm for the treatment of osteoarthritis : from evidence-based medicine to real-life setting. หน้า 3-7

การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)

การบริบาลทางเภสัชกรรม หมายถึง ความรับผิดชอบของเภสัชกรโดยตรงที่มีต่อการใช้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ถูกต้องตามที่ต้องการและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผลการรักษาที่ถูกต้องคือ

  • หายจากโรค
  • บำบัดหรือบรรเทาอาการโรค 
  • ชะลอหรือยับยั้งการดำเนินของโรค
  • ป้องกันโรค

โดยเภสัชกรจะปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลากรทางการแพทย์ทางสาธาณสุขอื่นๆ เรียกว่า ทีมสหสาขาวิชาชีพและมีหน้าที่หลักในการค้นหา แก้ไข และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ตลอดจนติดตามประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยา เพื่อให้เกิดระบบยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด

สินค้าแนะนำ

แผนที่ที่ตั้งร้าน

ที่ตั้งร้านยา

ร้านยาของเรา

พันธมิตรของเรา

บริษัทยาที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนเรา

DKSH
ZPL
BIOPHARM
สยามฟาร์มา
ยูเนี่ยน
อ้วยอัน
วิทยาศรม
ทรูไลน์เมด
บริษัทชุมชน
สมุนไพรไทย
tnp