การที่เราจะใช้ยาให้ถูกต้อง ได้ประโยชน์ และปลอดภัย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ตัวช่วยที่สำคัญคือ ฉลากยาและเอกสารกำกับยาให้เป็น เพราะเป็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่แพทย์และบริษัทยาใช้สื่อสารกับผู้ใช้ยา เป็นแหล่งข้อมูลยาที่ใกล้ตัวที่สุด เข้าถึงได้ง่ายที่สุด
สารบัญ
ความหมายของฉลากยาและเอกสารกำกับยา
ฉลากยา คือ เอกสารที่ออกให้ผู้ป่วย โดยสถานพยาบาล แพทย์ หรือ เภสัชกร ตลอดจนบุคคากรทางการแพทย์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง จะระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้ป่วยและวิธีการใช้สำหรับผู้ป่วยรายนั้นๆ
เอกสารกำกับยา คือ เอกสารที่ออกโดยบริษัทเจ้าของบริษัทยาที่จำหน่ายยาชนิดนั้นๆ จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับยาตัวนั้นๆเป็นหลัก แยกเป็น 2 แบบ คือ เอกสารกำกับยาสำหรับบุคลลากรทางการแพทย์ และ เอกสารกำกับยาสำหรับผู้ป่วยหรือผู้ใช้ยา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : อ่านฉลากยาดีๆ มีประโยชน์
ความสำคัญของฉลากยา
รายละเอียดสำคัญในฉลากยาที่เราควรใส่ใจมีดังต่อไปนี้
- วันที่ได้รับยา : จะช่วยเตือนความจำของเราได้ว่า ได้รับยามาเมื่อไหร่ ใช่ยาที่เป็นปัจจุบันในการรักษาอาการป่วยของเราไหม เพราะบางครั้งแพทย์จะมีการปรับเปลี่ยนแผนการรักษา ทำให้ต้องเปลี่ยนชนิดของยา หรือขนาดของยาที่ใช้รักษา
นอกจากนี้ บางกรณียังช่วยให้เรารู้วันหมดอายุของยาชนิดนั้นๆด้วย เช่น ยาเม็ดเปลือยที่ไม่อยู่ในแผงยา จะมีอายุเพียง 1 ปีเท่านั้นนับจากวันที่จ่ายยาหรือวันที่แบ่งบรรจุ
ถ้าเป็นพวกยาหยอดตา ยาป้ายตา ถ้าเปิดใช้แล้ว ยาจะมีอายุแค่ 1 เดือนเท่านั้นในการเก็บรักษาในตู้เย็น หากไม่ได้เก็บในตู้เย็น หลังจากหายดีแล้ว ไม่ควรเก็บยาไว้ ให้กำจัดทิ้งไปเลยจะปลอดภัยกว่า
- ชื่อ นามสกุล ผู้ป่วย : จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า เป็นยาของเราแน่นอน ไม่ใช้ยาของผู้อื่นที่ผิดพลาดจากการขั้นตอนการส่งมอบยา
- ชื่อยา : ส่วนใหญ่จะเป็น ภาษาอังกฤษ มีความจำเป็นไหมที่ต้องจำชื่อยา แนะนำว่า ถ้ามียาหลายชนิดที่ต้องใช้ ให้จำแบบรวมๆว่า ยาที่เรากินอยู่รักษาอะไรบ้าง อาจเลือกจำเฉพาะตัวที่มีความสำคัญมีความเสี่ยงในการเกิดการตียากับยาอื่นๆมาก
4.จำนวนยา : ช่วยให้เราเช็คได้ว่า มีจำนวนยาเพียงพอต่อการใช้หรือไม่ ยิ่งถ้าเป็นกรณีที่แพทย์มีการนัดตรวจติดตาม จะต้องตรวจนับว่ามียาพอใช้ถึงวันนัดพบแพทย์อีกครั้งหรือไม่
5.วิธีใช้ยา : เป็นข้อมูลระบุว่า ต้องทานครั้งละกี่เม็ด วันละกี่ครั้ง เวลาไหน หรือ กรณีเป็นยาทาภายนอก ต้องทาวันละกี่ครั้ง ซึ่งยาแต่ละรูปแบบ จะมีวิธีการใช้แตกต่างกัน ยาบางตัวมีเทคนิคการใช้เป็นพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำและฝึกฝนการใช้จากเภสัชกร เช่น ยาพ่นขยายหลอดลม ยาพ่นจมูก เป็นต้น
6.ข้อบ่งใช้ของยา : เป็นข้อมูลที่ทำให้ทราบว่า ยาตัวนั้นใช้เพื่อรักษาอาการป่วยของเราอย่างไร เป็นส่วนที่เราควรให้ความสำคัญและจดจำไว้ โดยเฉพาะกรณีที่เราไม่สามารถจดจำชื่อยาได้
7.คำแนะนำและคำเตือนการใช้ยา : ข้อนี้สำคัญมากๆ เภสัชกรขอแนะนำให้ผู้ใช้ยาควรอย่างยิ่งที่ต้องจดจำไว้ และให้ความใส่ใจสูงสุด เช่น ควรดื่มน้ำตามมากๆ เวลาทานยา ห้ามกินยาร่วมกับน้ำผลไม้หรือนม เป็นต้น
8.ชื่อที่ตั้งและหมายเลขโทรศัพท์ของสถานที่จ่ายยา : มีประโยชน์มากในการใช้ติดต่อกลับไป ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เหตุไม่พึงประสงค์กับผู้ป่วย หรือ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา
ความสำคัญของเอกสารกำกับยา
เอกสารกำกับยามี 2 ประเภท คือ
- เอกสารกำกับยาสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ เภสัชกร
- เอกสารกำกับยาสำหรับผู้ป่วย
สำหรับผู้ป่วยหรือผู้ใช้ยา ไม่มีความจำเป็นต้องไปอ่านและให้ความสนใจกับเอกสารกำกับยาประเภทแรก เพราะ มีข้อมูลมากมาย เป็นภาษาอังกฤษ ศัพท์วิชาการเฉพาะทาง ยากแก่การทำความเข้าใจ และ ที่มาของข้อมูลมากมาย มาจากการศึกษา รวบรวมข้อมูลรายงาน ที่เกิดขึ้นจาการใช้ยาตัวนั้นๆ ในผู้ป่วยจำนวนมากๆทั่วโลก จึงทำให้มีข้อมูลที่หลากหลาย ซึ่งการใช้ยาในสถานการณ์จริง อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้
และที่สำคัญในส่วนนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ เภสัชกร อยู่แล้ว ซึ่งแพทย์จะมีการวางแผนการรักษา ติดตามผล และระมัดระวังการใช้อยู่แล้ว
เอกสารกำกับยาสำหรับผู้ป่วย จะมีข้อมูลสั้นๆ กระชับ และเป็นภาษาไทย เป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญมากและผู้ป่วยหรือผู้ใช้ยาควรอ่าน มีข้อมูลที่กฏหมายบังคับไว้ให้แสดงดังต่อไปนี้
- ชื่อยาและขนาดความแรงของยา : จะระบุไว้ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ เช่น paracetamol 500 mg. , cpm 4 mg. , Tylenol 625 mg. เป็นต้น
- ข้อบ่งใช้และสรรพคุณยา : สงสัยไหมคะว่า 2 คำนี้แตกต่างกันอย่างไร
- ข้อบ่งใช้ มาจาก ภาษาอังกฤษว่า indication หมายถึงว่า ใช้รักษาโรคอะไร หรือใช้บรรเทาอาการอะไร
- สรรพคุณ มาจาก ภาษาอังกฤษว่า properties หมายถึง คุณสมบัติของยา ที่ได้จากการศึกษาทดลองทั้งในห้องปฏิบัติการและในคลินิก เช่น ลดความดัน ลดน้ำตาล แต่บางคุณสมบัติของยาอาจไม่แรงพอที่จะมาใช้ในสถานการณ์จริง เพราะอาจต้องใช้ปริมาณมาก ให้ผลข้างเคียงมากกว่าประโยชน์ในการรักษา
- ขนาดและวิธีใช้ยา : ระบุปริมาณ วิธีใช้ และ เวลาในการใช้ยา
4. คำเตือนหรือข้อควรระวัง : ระบุถึงผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ของยานั้น เช่น คลื่นไส้ แน่นท้อง อืดท้อง ง่วงนอน ซึม นอนไม่หลับ เป็นต้น
5. วิธีเก็บรักษา : ข้อมูลส่วนนี้มีความสำคัญมาก เพราะหากเก็บยาไม่ถูกต้อง ยาจะเสื่อมสภาพ ไม่มีประสิทธิผลในการรักษา บางครั้งอาจได้รับอันตรายจากการใช้ยาเสื่อมสภาพได้
6. ผู้ผลิตและที่ตั้งของแหล่งผลิตยา : ถ้าเกิดปัญหาในการใช้ยา เราสามารถร้องเรียนใหจ้าของรับผิดชอบได้
7.เลขทะเบียนตำรับยา : เป็นหลักฐานว่ายานั้นได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายประเทศไทย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : สาระปันยา
สรุป
เมื่อเราได้รับยามา ควรอ่านฉลากยาและเอกสารกำกับยา ควบคู่ไปกับรับฟังคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพราะการได้รับข้อมูลโดยไม่มีการอธิบาย ชี้แจง รายละเอียดข้อเท็จจริง เป็นดาบสองคมคะ และเมื่อใช้ยาไปแล้วเกิดสงสัยว่าเรามีการแพ้ยาหรือได้รับผลข้างเคียงจากยาหรือไม่ ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)
การบริบาลทางเภสัชกรรม หมายถึง ความรับผิดชอบของเภสัชกรโดยตรงที่มีต่อการใช้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ถูกต้องตามที่ต้องการและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผลการรักษาที่ถูกต้องคือ
โดยเภสัชกรจะปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลากรทางการแพทย์ทางสาธาณสุขอื่นๆ เรียกว่า ทีมสหสาขาวิชาชีพและมีหน้าที่หลักในการค้นหา แก้ไข และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ตลอดจนติดตามประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยา เพื่อให้เกิดระบบยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด
สินค้าแนะนำ
fixomull
สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกเด็กเล็ก
INNAQUA
เซรั่มแก้ผมร่วงฮีรูดอยด์
แผนที่ที่ตั้งร้าน
ร้านยาของเรา
วิวร้านกลางวัน
วิวภายในร้าน
วิวภายในร้าน
วิวภายในร้าน
เภสัชกรเหลียน
พนักงานผู้ช่วยนูรีดา
พันธมิตรของเรา
บริษัทยาที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนเรา