รูปแบบยามีความสำคัญอย่างไรต่อการใช้ยา

รูปแบบยา

พอจะนึกออกกันบ้างไหมคะ เวลาเข้าไปร้านยาหรือร้านขายยา เราจะพบเห็นได้ว่ายามีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ ยาเม็ด ยาแคปซูล ยาผง ยาน้ำใน ยาน้ำแบบข้น ยาครีม ยาขี้ผึ้ง เป็นต้น เคยนึกสงสัยไหมว่าทำไมถึงต้องมีการทำยาออกมาหลายรูปแบบ

รูปแบบยาเตรียม

สารบัญ

เหตุผลที่ต้องมียาหลายรูปแบบ

เหตุผลที่ต้องมีการทำยาออกมาในรูปแบบต่างๆหลายรูปแบบ เพราะว่าในยาเหล่านี้มีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นตัวยาสำคัญ และ ส่วนที่เป็นตัวยาไม่สำคัญ

การที่จะนำส่งยาเข้าสู่ร่างกาย ต้องมีการออกแบบรูปแบบยาเตรียมขึ้นมา โดยการคำนึงถึงคุณสมบัติของส่วนที่เป็นตัวยาสำคัญในประเด็นต่อไปนี้

  • คุณสมบัติทางเคมีของยา
  • กลไกการออกฤทธิ์ของยา
  • ความคงตัวของยา
  • ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยา
  • ผลข้างเคียงของยา

การเลือกผลิตยาออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง มีจุดมุ่งหมายเพื่อ

  1. เพื่อให้ได้รูปแบบยาที่จะให้ประโยชน์ในการรักษามากที่สุด
  2. เพื่อให้ได้รูปแบบยาที่คงตัวมากที่สุด ป้องกันการสลายตัวโดยน้ำย่อยในระบบทางเดินอาหารและสภาพแวดล้อม เช่น แสง ความชื้น
  3. เพื่อให้ได้รูปแบบยาที่มีปริมาณตัวยาสำคัญในขนาดที่ถูกต้อง ปลอดภัยในการใช้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้น้อยที่สุด หรือ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาต้องแก้ไขได้
  4. เพื่อกลบรสตัวยาสำคัญ หรือแต่งรสยาให้ทานได้ง่าย
  5. เพื่อให้ได้รูปแบบยาที่สะดวกต่อการใช้ การเก็บรักษา และการขนส่ง

ยาเม็ด

การแบ่งประเภทรูปแบบยา

รูปแบบยาเตรียม (dosage form) แบ่งเป็น  4 รูปแบบหลัก

  1. รูปแบบของแข็ง ( solid) ยกตัวอย่าง เช่น
  • ยาเม็ดแข็งใช้กลืน (tablet)
  • ยาเม็ดแบบเคี้ยวได้ (chewable tablet)
  • ยาแคปซูล (capsule)
  • ยาแคปซูลไข่ปลา (pellet)
  • ยาเม็ดฟู่ (effervescent tablet)
  • ยาอม ( lozenges)
  • ยาอมใต้ลิ้น(sublingual tablet)และยาอมข้างกระพุ้งแก้ม (buccal tablet)
  • ยาเหน็บช่องคลอด(vaginal tablet)และยาเหน็บทวาร (suppository)
  • ยาผง (powder)

ยาเม็ดแตกตัว

  1. รูปแบบของเหลว (liquid) ยกตัวอย่าง เช่น
  • ยาน้ำเชื่อมใส (syrup)
  • ยาน้ำเชื่อมข้นแขวนตะกอน (suspension)
  • ยาหยอดตาล้างตา (eye drop) ยาหยอดหู (ear drop)ยาหยอดจมูก (nasol drop)/พ่นจมูก (nasol spray)
  • ยาฉีด (injection)

ยาน้ำ

  1. รูปแบบของกึ่งแข็งกึ่งเหลว (semisolid) ยกตัวอย่าง เช่น
  • ยาครีม (cream)
  • ยาขึ้ผึ้ง (ointment)
  • ยาเพสต์ เช่น ยาสีฟัน ยาป้ายแผลในปาก (paste)
  • ยาเจล (gel)

ยาครีม

  1. รูปแบบก๊าซ (gas) ยกตัวอย่าง เช่น
  • ยาพ่นภายนอก (aerosol)
  • ยาพ่นภายใน (inhaler)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : Pharmaceutical dosage form

ยาพ่น

วิธีการใช้ยาเตรียมรูปแบบต่างๆ

ยาเม็ดแข็งใช้กลืน : เป็นรูปแบบยาที่ผลิตง่ายที่สุดและราคาประหยัด  เป็นที่นิยม  เป็นยาที่มีการใช้มากที่สุด  การทานยาเม็ดชนิดนี้ ควรดื่มน้ำตามแล้วกลืน  ไม่ควรกลืนยาโดยไม่ดื่มน้ำตาม จะทำให้กลืนยาก ติดคอ เป็นอันตรายได้ และ จะทำให้ยาแตกตัวและละลายได้ช้าลง

ยาเม็ดเคี้ยว : เป็นยาที่ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาเรื่องฟันที่ไม่แข็งแรงและอาจมีไม่ครบทุกซี่ในช่องปาก  ยาชนิดนี้จะมีรสชาติดีจาก สารแต่งรสให้หวานเย็น ชื่อว่า ซอร์บิทอล หรือ แมนนิทอล  การใช้ยารูปแบบนี้ ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนพร้อมดื่มน้ำตามด้วย เพราะจุดประสงค์ของการเตรียมยาในรูปแบบนี้คือต้องการให้ยาออกฤทธิ์เร็ว ด้วยการแตกตัวและละลายเร็ว เพื่อที่จะได้ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว

ยาเม็ดเคี้ยว

ยาเม็ดฟู่ : การใช้ยาต้องนำยาไปละลายในน้ำก่อน รอจนฟองฟู่ละลายหมด จึงทานยาได้  ยารุปแบบนี้ จะชื้นและเสื่อมสภาพง่าย ดังนั้นการเก็บรักษายาต้องระวังไม่ให้แผงบรรจุยาฉีกขาด  หรือปิดภาชนะบรรุยาให้แน่นทุกครั้งหลังเปิดใช้ ลักษณะของยารูปแบบนี้คือ เมื่อหย่อนยาลงในน้ำ เม็ดยาจะถูกทำให้แตกตัวและละลายอย่างรวดเร็วด้วยฟองก๊าซในเม็ดยา

เหตุผลที่มีการเลือกทำยาเตรียมในรูปแบบนี้  มีดังนี้

  • ตัวยาสำคัญจะถูกทำลายได้จากกรดในกระเพาะ การทำให้ยาแตกตัวด้วยฟองก๊าซ และอยู่ในรูปสารละลายเป็นด่าง จะช่วยลดการทำลายยาในกระเพาะ
  • ต้องใช้ปริมาณตัวยาสำคัญมากในยา 1 เม็ด ทำให้ยามีเม็ดใหญ่ กลืนได้ยากลำบาก การทำเป็นเม็ดฟู่ จะช่วยให้ทานได้ง่ายขึ้น
  • ตัวยาสำคัญ เมื่อแตกตัวในกระเพาะ จะปล่อยฟองก๊าซออกมามาก ทำให้เมื่อทานยาแล้วเกิดผลข้างเคียง ท้องอืด แน่นท้อง การทำให้ยาแตกัวปล่อยฟองก๊าซออกมาก่อนทาน จะช่วยลดผลข้างเคียงลงได้
  • ยาที่มีข้อบ่งชี้ใช้ในผู้สูงอายุ ซึ่งความเป็นกรดในกระเพาะลดน้อยลง แต่ยาต้องใช้ความเป็นกรดสูงในกระเพาะเพื่อให้ยาแตกตัวและละลาย การเตรียมยาในรูปแบบนี้จะช่วยลดผลข้างเคียงจากยาได้

เม็ดฟู่

ยาอมใต้ลิ้นและยาอมข้างกระพุ้งแก้ม : ยาที่ถูกเตรียมในรูปแบบนี้ จะละลายตัวภายในปาก และถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านเยื่อบุในช่องปากเข้าสู่หลอดเลือดใต้ลิ้น หรือหลอดเลือดฝอยข้างกระพุ้งแก้ม การอมยาใต้ลิ้นจะทำให้ยาถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วกว่าอมข้างกระพุ้งแก้ม

การอมยาใต้ลิ้นที่ถูกต้อง คือ ระหว่างอมยา ไม่ควรกลืนหรือบ้วนน้ำลายทิ้ง เพราะจะทำให้ยาถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้น้อยลง เพราะฉนั้นเวลาอมยา อย่าขยับปากหรือเคลื่อนไหวลิ้นไปมา พยายามให้ปากนิ่งที่สุด

เหตุผลที่เลือกเตรียมยาในรูปแบบนี้ เพื่อต้องการให้ยาออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วที่สุดหลังแตกตัวและละลาย สามารถถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที โดยไม่ต้องผ่านการเปลี่ยนสภาพที่ตับอีกเพราะจะไม่ทันการ ตัวอย่างยาเตรียมรูปแบบนี้ เช่น ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ isordril sublingual tab 5 mg.  เป็นยาช่วยชีวิตที่ผู้เป็นโรคหัวใจต้องพกติดตัวไว้

ดังนั้นการกลืนยาอมใต้ลิ้น จะทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จากการใช้ยา เพราะกว่ายาจะออกฤทธิ์ ต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงยาหลายขั้นตอน กินเวลานาน ซึ่งอาจไม่ทันการ

ยาแคปซูลไข่ปลา : ยาแคปซูลที่ข้างในมีตัวยาที่เป็นแบบไข่ปลา  เราเรียกเม็ดกลมไข่ปลานี้ว่า เพลเลต( pellet )  ยารูปแบบนี้เป็นยาเม็ดออกฤทธิ์นานกว่ายาเม็ดรูปแบบของแข็งประเภทอื่นๆ  และการทานยาห้ามแบ่งเม็ดยา ห้ามบดเคี้ยว มีข้อสังเกตง่ายๆ ยาเตรียมรูปแบบนี้ จะมีอักษรย่อ ภาษาอังกฤษตามหลังชื่อยา ว่า DM, GP, DA, PSE, SR, SA, CR/CRT, LA,MR,TD/TR,XL,XR/ER, contin เป็นต้น

เหตุผลที่มีการเตรียมยารูปแบบนี้ เพื่อให้มีการปลดปล่อยตัวยาสำคัญในเม็ดยาออกมาที่ละน้อยๆ สม่ำเสมอ เป็นเวลานาน  ทำให้สะดวกในการทาน เพราะสามารถทานได้ วันละ 1-2 ครั้งได้  เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดผลข้างเคียงจากยา

แคปซูลไข่ปลา

ยาเหน็บทวารหนัก/ยาเหน็บช่องคลอด : ยาเตรียมรูปแบบนี้ ตัวยาสำคัญจะกระจายตัวอยู่ในเบสที่เรียกว่า ยาพื้น  เมื่อสอดยาเข้าไป ยาพื้นจะค่อยๆ ละลาย ตัวยาสำคัญจะค่อยๆกระจายตัวออกมาสู่เยื่อเมือก เพื่อออกฤทธิ์

การใช้ยาเหน็บทวารหนัก คือสอดแท่งยาเข้าไปพ้นปากทวารหนัก 1 นิ้วข้อมือก็พอ ดังนั้นส่วนที่เป็นยาพื้นจะใช้ไขมันที่ละลายได้ง่าย เพื่อให้ใช้เวลาละลายไม่นานหลังเหน็บยา

เนื่องจากประเทศไทยอากาศร้อนชื้น การใช้และการเก็บรักษายาเหน็บทวาร ควรแช่ตู้เย็นไว้ โดยเฉพาะก่อนนำมาใช้เหน็บในช่องทวาร ต้องให้เม็ดยาแข็งพอ  ที่จะนำมาสอดได้โดยแท่งยาไม่หักระหว่างใช้สอด

ตรงกันข้ามกันกับการใช้ยาเหน็บช่องคลอด  การสอดจะต้องให้ลึกถึงตำแหน่งมดลูก ยาพื้นต้องอยู่ในรูปแบบที่แข็งพอจะเข้าไปถึงตำแห่งเป้าหมายโดยไม่หักหรือละลายเสียก่อน

เนื่องจากแท่งยาเหน็บจะถูกเตรียมมาในสภาพที่แข็งมากพอ จึงสามารถเก็บรักษายาเหน็บช่องคลอดไว้ได้ที่อุณหภูมิห้องได้  แต่การใช้เพื่อในสามารถสอดยาง่ายและเม็ดยาแตกตัวและละลายให้ตัวยาสำคัญถูกปลดปล่อยออกมา ต้องนำเม็ดยาจุ่มน้ำสะอาดให้มีความลื่นและชื้นเล็กน้อยก่อนใช้สอด

ยาเหน็บทวารหนัก
ยาเหน็บทวารหนัก

 

ยาเหน็บช่องคลอด
ยาเหน็บช่องคลอด

ยารูปแบบกึ่งแข็งกึ่งเหลว

ยาครีมและยาเจล : ครีมจะดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่าเจล เพราะมีส่วนประกอบของที่เป็นไขมันมากกว่า  ในชั้นผิวหนังมีส่วนของโครงสร้างที่เป็นไขมัน ดังนั้นยาที่ละลายในไขมันจึงถูกดูดซึมได้มากกว่า

ในแต่ละตำแหน่งของผิวหนัง มีปริมาณไขมันไม่เท่ากัน โครงสร้างไขมันใต้ผิวหนังมีปริมาณมากน้อยเรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้

  • เยื่อบุช่องปาก
  • หนังตา
  • หน้าอก
  • ต้นแขน ต้นขา
  • แขน ขา
  • หลังมือ หลังเท้า
  • ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
  • โคนเล็บ มีต่อมไขมันอยู่น้อยที่สุด ยาถูกดูดซึมยากที่สุดบริเวณนี้

อย่างไรก็ตาม ยาเจล จะรักษาคุณภาพตัวยาสำคัญได้ดีกว่า ทาแล้วมีความระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่า ล้างน้ำออกง่าย ไม่ติดเสื้อผ้าเหมือนยาครีม

ยาขี้ผึ้ง : ตัวยาสำคัญถูกดูดซึมเข้าผิวหนังได้ดีกว่ายาครีม แต่มีข้อเสียเรื่องทาแล้วจะเหนียวเหนอะหนะ  ดังนั้นการใช้จึงควรใช้ยาปริมาณน้อย ต้องทาถูนวดให้ยาซึมให้มากที่สุด  และใช้วันละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

ยาเจล

ยารูปแบบแผ่นแปะ :  จัดอยู่นรูปแบบกึ่งกึ่งหลว จุดประสงค์ของการเตรียมในรูปแบบนี้เพื่อ

  • ไม่ต้องการให้ตัวยาสำคัญผ่านตับ หรือ ไต
  • การหยุดให้ยาทำได้ง่าย เพียงแค่ดึงแผ่นแปะออก
  • สามารถทดแทนยารูปแบบกินได้ กรณีคนไข้มีปัญหาเรื่องการกลืนยา หรือทดแทนรูปแบบฉีดได้ เพื่อลดความเจ็บปวด

วิธีการใช้แผ่นแปะที่ถูกต้อง ควรปฏิบัติดังนี้

  1. เลือกบริเวณที่ไม่มีขน หรือมีขนน้อย เช่น หลัง ต้นแขนด้านนอก หน้าท้อง ต้นขา แต่หากจำเป็นต้องแปะบริเวณที่มีขน ไม่ควรโกนขนแต่ให้เล็มขนให้สั้นที่สุด
  2. ก่อนแปะแผ่นยาผิวหนังบริเวณนั้นควรแห้งและสะอาด หลังแปะแผ่นยาแล้วควรลูบและกดแผ่นแปะทิ้งไว้สัก 30 วินาที เพื่อให้แผ่นติดแน่นไม่เลื่อนหลุดง่าย
  3. เวลาอาบน้ำ ไม่ต้องดึงแผ่นแปะออก
  4. ไม่ทาครีม โลชั่น บริเวณที่ต่องการแปะแผ่นยา เพราะจะทำให้แผ่นยาติดผิวหนังได้ไม่ทน
  5. ระยะเวลาการแปะแผ่นยาแต่ละชนิดจะมีกำหนดไว้ ควรใช้ตามที่ระบุไว้ในฉลากยาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี ไม่เกิดพิษหรือผลข้างเคียงจากยา
  6. หากมีคราบกาวของแผ่นแปะติดบนผิวหนัง สามารถใช้น้ำมันทาตัวเด็ก baby oil เช็ดออกได้

 

แผ่นแปะ

แผ่นแปะยา

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : สาระ-ปันยา

สินค้าลดราคา
สินค้าเข้าใหม่

สรุป

การที่จะผลิตยาออกมาในรูปแบบใดนั้น นอกจากต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของตัวยาสำคัญแล้ว ยังต้องคิดถึงการนำยาไปใช้ด้วยว่าต้องการให้ยาเข้าไปในร่างกายทางไหนจึงเหมาะสมที่สุด เช่น ทางปาก ทางผิวหนัง ทางทวารหนัก ทางช่องคลอด ทางปอด ทางตา หู คอ จมูก หรือ ทางหลอดเลือด เป็นต้น และที่สำคัญ ยาในแต่ละรูปแบบ มีเทคนิควิธีกี่ใช้ที่เฉพาะ การจะใช้ให้ถูกต้อง ได้ประโยชน์คุ้มค่า หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการใช้ยา ควรขอคำแนะนำจากเภสัชกรที่ท่านไว้วางใจทุกครั้ง

การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical care)

การบริบาลทางเภสัชกรรม หมายถึง ความรับผิดชอบของเภสัชกรโดยตรงที่มีต่อการใช้ยาของผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ถูกต้องตามที่ต้องการและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผลการรักษาที่ถูกต้องคือ

  • หายจากโรค
  • บำบัดหรือบรรเทาอาการโรค 
  • ชะลอหรือยับยั้งการดำเนินของโรค
  • ป้องกันโรค

โดยเภสัชกรจะปฏิบัติงานร่วมกับบุคคลากรทางการแพทย์ทางสาธาณสุขอื่นๆ เรียกว่า ทีมสหสาขาวิชาชีพและมีหน้าที่หลักในการค้นหา แก้ไข และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการใช้ยา ตลอดจนติดตามประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยยา เพื่อให้เกิดระบบยาที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด

สินค้าแนะนำ

แผนที่ที่ตั้งร้าน

ที่ตั้งร้านยา

ร้านยาของเรา

พันธมิตรของเรา

บริษัทยาที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนเรา

DKSH
ZPL
BIOPHARM
สยามฟาร์มา
ยูเนี่ยน
อ้วยอัน
วิทยาศรม
ทรูไลน์เมด
บริษัทชุมชน
สมุนไพรไทย
tnp

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะสำหรับการวิเคราะห์และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะของผู้ใช้งาน

บันทึกการตั้งค่า